ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected] คุณภาพชีวิตชาวหนองปรืออยู่ดี-มีสุข ผลจากโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(จบ) นายวุฒิกร สุขีนัย นายอำเภอหนองปรือ(ในขณะนั้น) กล่าวว่า โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีประชาชนในโครงการประมาณ 800 ครัวเรือน ประสบความสำเร็จในเรื่องของการจัดสรรที่ดินทำกินอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรให้มีรายได้ ร่วมทั้งส่งเสริมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอันล้วนเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ที่ทรงมีพระราชดำริให้มีโครงการขึ้นมา สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกสิ่งคือเรามีพื้นที่ป่า แสดงให้เห็นว่ามนุษย์กับป่านั้นอยู่ด้วยกันได้ชาวบ้านที่อยู่ในโครงการสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงฯ “วันนี้โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริกำลังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีอีกแห่งหนึ่ง อยากให้ประชาชนเข้ามาศึกษาเรียนรู้ และเห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถอยูร่วมกับป่าได้โดยไม่บุกรุกป่าอีกต่อไป” นายอำเภอหนองปรือ กล่าว จากน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่นให้ป่าไม่ถูกทำลายเพื่อเป็นแหล่งดูดซับน้ำไว้ใต้ดินเกิดแหล่งต้นน้ำสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่เพื่อประโยชน์แกสรรพชีวิตและให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างมีกินมีใช้มีความสุขเมื่อ 20 ปีก่อน วันนี้ชาวบ้านอำเภอหนองปรือสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ทำลายป่าอีกต่อไปสมดังพระราชปณิธาน โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทุกภาคส่วนรวมหัวใจดำเนินงานเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณด้วยพระราชปณิธานสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เริ่มจากปัจจัยสำคัญของชีวิตคือ แหล่งน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค การเกษตรกรรม รวมถึงเป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำ จำนวน 5 แห่ง รวมความจุ 7,204 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล.ลบม.) พร้อมระบบส่งน้ำเข้าสู่แปลงที่ทำกินของราษฎร จำนวน 506 แปลง ก่อสร้างบ่อพักน้ำ 3 แห่ง ฝายทดน้ำในลำแม่ระวัง 7 แห่งและฝายทดน้ำในลำห้วยหวาย 1 แห่ง ฝายทดน้ำหินก่อสาขาของลำห้วยแม่ระวัง 1 แห่ง ขุดสระน้ำประจำไร่นา 554 แห่ง และขุดลอกลำห้วย ระยะทาง 8,800 เมตร เพื่อสนับสนุนแหล่งน้ำให้มีเพียงพอ สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 8,560 ไร่ ทำให้ราฎผู้ที่ได้รับประโยชน์สามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี มีแหล่งน้ำทำอาชีพแล้วโครงการฯ ได้ส่งเสริมให้จัดตั้งกลุ่มอาชีพ เช่น การเลี้ยงไก่ การเลี้ยงแพะ การเลี้ยงปลา การเลี้ยงสุกร มีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยการจัดทำแปลงสาธิตการปลูกพืชเศรษฐกิจ เลี้ยงสัตว์ การผลิตน้ำมันไบโอดีเซลให้เป็นโรงเรียนอบรมความรู้เพื่อให้ราษฎรที่มาศึกษาดูงานทั้งทฤษฏีและปฎิบัติ นำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพในพื้นที่ของตนเอง จนทำให้เกษตรกรในพื้นที่ประสบความสำเร็จ สามารถอยู่ได้พอมีพอกินอย่างยั่งยืน นายสมโชค โกศล เกษตรกรคนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากพระมหากรุณาธิคุณบอกกับสยามรัฐว่าปลูกมะนาวนอกฤดูกาล จำนวน 500 ต้น รายได้เดือนละประมาณ 15,000- 20,000 บาท บอกว่าเดิมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หันมาเป็นเกษตรกรเต็มตัวปลูกมะนาวนอกฤดูกาล พันธุ์แป้นอำไพ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดี เปรี้ยวหอม คนนิยมซื้อไปปรุงอาหาร ใช้พื้นที่สำหรับการปลูกมะนาวจำนวน 10 ไร่ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการฯในเรื่องของน้ำเพื่อนำมาใชัในการเกษตร นอกจากนั้นยังได้รับความรู้ในการทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ “สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดมั่น ยึดเหนี่ยวของคนไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ทรงสอนให้ราษฎรชาวไทยรู้จักคำว่าพอ พออยู่ พอกิน พอใช้ พระองค์ทรงสอนให้เรารู้จัดเศรษฐกิจพอเพียงตามปรัชญาของพระองค์ท่าน เมื่อเหลือกิน เหลือใช้ ขายได้แล้วก็นำไปแบ่งปันคนอื่น สอนให้รู้จักคำว่าเอื้ออาทรต่อกัน” นายสมโชค โกศล กล่าวอีกว่า ชีวิตมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างมาก มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แล้วยังมีความสุขที่เพิ่มขึ้นจากการที่ใช้ชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน อีกคนนายชรินทร์ กลั่นแฮม เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ระดับจังหวัดกาญจนบุรี ปี 2556 มีรายได้ 2๐,๐๐๐ – 3๐,๐๐๐ บาท/เดือน กับการเกษตรแบบผสมผสานตามทฤษฏีใหม่ตามแนวพระราชดำริ โดยการแบ่งพื้นที่ 8 ไร่ ที่ได้รับจาโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปลูกพืชต่าง ๆ ทั้ง ไม้ผล พืชผัก แล้วยัง เลี้ยงหมูหลุม เลี้ยงปลาดุก อีกด้วย นายชรินทร์ บอกว่า ทำเกษตร ในพื้นที่ปลูก ฝรั่งกิมจู กล้วย มะนาววงบ่อ ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ขนุน มะละกอ ผักสวนครัว ฯลฯ ปัจจุบันได้ สทก. จากโครงการห้วยองคตฯ มีที่ดินเป็นที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินเป็นของตนเอง มีแหล่งน้ำทำการเกษตร มีความรู้ประกอบอาชีพทำการเกษตรผสมผสานได้อย่างพอเพียง มีชีวิตความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้นจากการมีรายได้จาก ไม้ผลพืชสวนครัว เลี้ยงสัตว์/สัตว์น้ำ “ใช้ชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ทำเกษตรแบบผสมผสานตามแนวทฤษฏีใหม่ ปลูกพืชหลายๆชนิด ไว้รวมกัน แรงงานก็ปลูกพืชทำเองกับภรรยา ช่วยกันในครอบครัวไม่ต้องจ้างแรงงานจากที่อื่น ปุ๋ยก็ทำเอง หมักเองจากวัสดุในธรรมชาติที่มีอยู่ จากเมื่อก่อนจนวันนี้เมื่อโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริเข้ามาทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มั่นคงและยั่งยืน”เกษตรกรดีเด่นแห่งโครงการห้วยองคตฯกล่าวสีหน้ามีความสุข วันนี้ราษฎรในพื้นที่โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 870ครอบครัว 2,883 คน รวมพลังร่วมฟื้นฟูผืนป่าทรัพยากรธรรมชาติให้กลับคืนสู่สภาพเดิมถึง จำนวน 4,030 ไร่ ด้วยหัวใจมุ่งมั่นสนองพระราชปณิธานถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้