พยาธิใบไม้ตับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับมาจากการบริโภคปลาวงศ์ตะเพียน ที่ปรุงไม่สุก โดยอาหารที่มีความเสี่ยงมากที่สุด คือ ก้อยปลา ปลาส้ม ปลาร้า เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จัดประชุมวิชาการประจำปี 59 โครงการแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (CASCAP) และมหกรรม “สร้าง สุ(ก) ในสังคม : คนและปลาปลอดพยาธิ อาหารปลอดภัย” รศ.ดร.สพ.ญ.ธิดารัตน์ บุญมาศ อาจารย์ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น ซึ่งเป็นทีมวิจัยโครงการแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ได้แถลงผลวิจัยปลาปลอดพยาธิ อาหารปลอดภัย โดยกล่าวว่า การตัดวงจรพยาธิใบไม้ตับไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากทุกคนร่วมมือกัน โดยเริ่มจากแหล่งปลา ซึ่งมีที่มาจาก 2 แหล่ง คือ ปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งยากจะควบคุม และปลาที่มาจากบ่อเลี้ยง พบติดเชื้อพยาธิ จากการสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และเลี้ยงปลาใต้โรงเลี้ยงไก่ หรือสุกร การตัดวงจรตัวอ่อนพยาธิทำได้โดยพักน้ำก่อนเข้าสู่บ่อเลี้ยงปลา 48ชั่วโมงหรือมากกว่า ขณะการแปรรูปปลา โดยเฉพาะปลาส้ม หากกรรมวิธีไม่เหมาะสมจะเสี่ยงติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งความเข้าใจที่ผิดๆ เช่น บีบพริกมะนาว หรือกินเหล้าขาวเพื่อฆ่าตัวอ่อนพยาธิ กลับทำให้ตัวอ่อนพยาธิเจริญแตกตัวได้ดี วิธีหมักปลาส้ม ต้องหมักมากกว่า3วัน แม้พยาธิยังไม่ตาย แต่จะหมดความสามารถติดเชื้อสู่คน ส่วนปลาร้าควรหมักมากกว่า1สัปดาห์ขึ้นไปในช่วงฤดูร้อน หากหมักฤดูหนาว ต้องมากกว่า1เดือน เมื่อซื้อปลาส้ม-ปลาร้าจากตลาดให้ปรุงสุกก่อน ไม่ควรรับประทานแบบดิบๆ จากประสบการณ์ศึกษาพยาธิใบไม้ตับในปลามามากกว่า10ปี ของทีมวิจัยพบว่าการขนส่งปลาที่มีการเก็บปลาแบบแช่แข็ง เพื่อไม่ให้ปลาเน่า พบว่าตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับไม่มีความสามารถในการติดเชื้อได้ จึงได้นำปลาวงศ์ตะเพียนมาทดสอบอย่างจริงจัง และนำมาประยุกต์ใช้ในปลาส้ม เพื่อให้นำไปใช้ได้จริงจัง ทั้งนี้ หลักสำคัญในการลดปริมาณติดเชื้อพยาธิคือ ตัดวงจรจาก3ระบบคือ จากแหล่งผลิต โดยพักน้ำก่อนเข้าสู่บ่อเลี้ยง ไม่เลี้ยงปลาใต้โรงเลี้ยงไก่-สุกรเพื่อลดความเสี่ยง, การแปรรูปหากจำเป็นต้องใช้ปลาสดก็ควรแช่แข็งเพื่อลดความเสี่ยงของพยาธิ และควรสังเกตปลาก่อนเลือกซื้อ ปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันและลดเสี่ยงโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีได้