คอลัมน์ “พระบารมีปกเกล้าฯ” เรียนรู้พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และต้นรวงผึ้ง ดอกไม้ประจำรัชกาล ดร.สุทิน ลี้ปิยะชาติ ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ เดือนนี้นับเป็นเดือนมหามงคลของปวงชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์ ตามคำกราบบังคมทูลอัญเชิญแล้ว และทรงดำเนินตามกระบวนการอัญเชิญรัชทายาทเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์ ตามขั้นตอนของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ เพื่อสถาปนาพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ในวันนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้และเพื่อความเป็นสิริมงคลของปวงชนชาวไทย กระผมขอนำเรียนท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านเกี่ยวกับพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งขออัญเชิญมา ดังนี้ พระราชดำรัสที่ทรงให้คำมั่นไว้ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕ ณ ทำเนียบรัฐบาล ความตอนหนึ่งว่า “...ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระสำคัญใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายาม ศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสม กับหน้าที่ ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง... ในโอกาสอันพิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายได้เป็นกำลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ตั้งความ ปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคงและความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และ ประชาชนยั่งยืน สืบไป...” พระบรมราโชวาทในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๙ ความตอนหนึ่งว่า “…การทำงานทุกอย่าง ย่อมต้องมีปัญหาข้อขัดข้องเกิดขึ้นบ้าง เป็นเรื่องปรกติธรรมดา. แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะต้องรีบปฏิบัติแก้ไข ไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดความเสียหายแก่งานได้. ผู้ปฏิบัติบริหารงานจึงต้องเอาใจใส่ติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด จักได้ทราบถึงปัญหาสาเหตุที่เกิดขึ้นและปฏิบัติแก้ไขได้ถูกต้องทันท่วงที...” พระบรมราโชวาทในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๐ ความตอนหนึ่งว่า “…สังคมดำรงอยู่ได้ด้วยการกระทำประโยชน์เกื้อกูลกัน และทุกคนที่อยู่ร่วมกันย่อมเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ประโยชน์ บัณฑิตในฐานะที่ส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับในความรู้ความสามารถ จึงควรประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์แก่งสังคมทุกเมื่อ…” ในโอกาสนี้ ด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น กระผมขอนำเรียนท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านเกี่ยวกับต้นรวงผึ้ง ดอกไม้ประจำรัชกาลในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสใกล้จะเข้าสู่พุทธศักราชใหม่ ดังนี้ครับ ต้นรวงผึ้ง ที่มีดอกสีเหลืองโดดเด่นและส่งกลิ่นหอม เป็นพรรณไม้ไทยแท้อันทรงคุณค่า เพราะเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องจากดอกรวงผึ้งจะผลิดอกออกใบในช่วงวันพระบรมราชสมภพ ส่วนสีเหลืองของดอกรวงผึ้งยังเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพอีกด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงปลูกต้นรวงผึ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ ที่พระองค์เสด็จฯ ไปประกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อพระราชทานไว้ให้เป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร ลักษณะโดยทั่วไปของ “ต้นรวงผึ้ง” แต่คนทั่วไปนิยมเรียก ต้นน้ำผึ้ง ต้นสายน้ำผึ้ง หรือดอกน้ำผึ้ง ซึ่งนับเป็นชื่อที่คนท้องถิ่นในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคเหนือเรียกต้นไม้ดังกล่าว ทั้งนี้ ต้นรวงผึ้ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Yellow star และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Schouteniaglomerata King subsp.peregrina (Craib) Roekm. ต้นรวงผึ้งจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ทนแดดและชอบขึ้นในที่แล้ง ลำต้นแตกกิ่งต่ำ ลักษณะลำต้นเป็นทรงพุ่มมน ออกใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ด้านหน้าใบจะเป็นสีเขียวและหลังใบเป็นสีน้ำตาลนวล ดอกรวงผึ้งส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และมีสีเหลืองอร่ามดูโดดเด่น ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ลักษณะดอกมีกลีบเลี้ยง ๕ แฉกติดกับโคนกลีบและเป็นฐานรองกระจุกเกสรตัวผู้ ไม่มีกลีบดอก ดอกจะบานได้นาน ๗-๑๐ วัน ส่วนผลของต้นรวงผึ้งมีลักษณะเป็นทรงกลม ผลแห้ง และมีขน วิธีขยายพันธุ์ต้นรวงผึ้งที่เป็นนิยมมากที่สุด คือ การตอนกิ่ง ด้วยการควั่นกิ่งและลอกเปลือกออก จากนั้นนำดินเหนียวและกาบมะพร้าวชุบน้ำมาหุ้มแผลเอาไว้ ห่อด้วยแผ่นพลาสติกและมัดเชือกปิดมิด ดูแลรดน้ำตามปกติ อาจจะใช้ฮอร์โมนเร่งรากด้วยก็ได้ รอรากงอกออกมาภายใน ๒-๓ วัน จึงค่อยตัดไปปลูกลงในหลุมดินร่วน เพื่อให้ได้ผลดีแนะนำให้ปลูกในที่กลางแจ้ง เนื่องจากเป็นพืชที่ชอบแดดและทนแล้งได้ดี รดน้ำปานกลาง และปลูกไว้บริเวณแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน ต้นก็จะเจริญเติบโตออกดอกสวยงาม และรวงผึ้งจะไม่ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น หากปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำมาก ข้อดีของต้นรวงผึ้ง คือ เมื่อดินแห้งตามธรรมชาติ จะออกดอกครั้งละมากๆ เต็มต้น ซึ่งมักมีผึ้งมารุมตอมเป็นจำนวนมาก เป็นพันธุ์ไม้หอมที่มีช่วงการปลูกกว้าง สามารถขึ้นได้ดีทั้งที่แห้งแล้งและที่ค่อนข้างชื้น และเป็นพันธุ์ไม้ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ไม่ต้องอาศัยการดูแลมาก ใบไม่ค่อยร่วง และเป็นพันธุ์ไม้ที่มีระบบรากดีมาก ไม่มีการหักโค่นของต้นขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเป็นกิ่งที่ได้จากการตอน