ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระรองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถบรรยายมาถึงช่วงสุดท้าย มีรับสั่งว่า ถ้ามีน้ำมาอีกสถานที่นี้ก็ให้ชาวบ้านอยู่บนศาลา และก็มากินอยู่หุงอาหารมาอยู่ตรงนี้ เมื่อพระองค์เสด็จฯ มาก็จะทรงมาใช้ ให้ใช้ด้วยกันได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน แทนที่จะต้องไปอยู่บนถนน บางครั้งถนนก็ท่วม แล้วก็ให้ชาวบ้านตรงนั้นเรียนทอผ้า ก็เอาครูจากอีสานไปสอนให้ทอผ้า เริ่มจากทอผ้าฝ้ายก่อน ให้รู้จักกี่ทอผ้าและเครื่องมือทอผ้าอื่น ๆ แล้วก็เริ่มทอผ้าฝ้ายก่อน จากผ้าฝ้ายก็มาให้ยกลาย ให้รู้จักเครื่องมือของการยกลายให้นูนขึ้นมา แล้วก็มาทอผ้าไหม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียนทอผ้าไหมได้ เมื่อมาทำเป็นผ้าไหมได้ก็ยกลาย คือลายลูกแก้วไหม จนกระทั่งชำนาญแล้ว ถึงจะได้เอามาทอผ้ายกเมืองนคร เราได้อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ลงไปสอนให้ เมื่อทอผ้ายกเมืองนคร จะใช้สีเคมีไม่ได้ ต้องใช้สีที่เป็นธรรมชาติ อาจารย์วีรธรรมฯ ก็ต้องไปสอนวิธีย้อมสีธรรมชาติ แล้วสีที่ย้อมยากที่สุดคือสีคราม ซึ่งเป็นต้นครามต้องเอามาหมัก มาเลี้ยงคราม ถ้าอายุเลี้ยงที่อยู่ในปีบ ไห โอ่ง นานเกินไป สีก็เสียไปเลย ย้อมไม่ได้ พอได้จังหวะกี่วัน แล้วเปิดออกมาต้องย้อมเลย สีธรรมชาติของเรายากมาก ถึงได้เห็นว่าคนโบราณนี้เก่งมาก บัดนี้สำเร็จออกมาแล้ว โดยที่ชาวบ้านสามารถทอผ้ายกใช้ในการแสดงโขนได้อย่างเต็มที่ คือในปีนี้ ทั้งปัก ทั้งทอผ้านุ่งของโขน ต่อไปเราจะทำหัวโขน เพราะใช้ไปก็หมดไป ขนาดนี้เปิดการเรียนทำหัวโขน ซึ่งการทำหัวโขนก็ยากอีก ต้องไปเอาต้นข่อยมาลอกเปลือกออก เพื่อมาทำเป็นกระดาษก่อน ทำกระดาษจากต้นข่อย แล้วจึงเอากระดาษมาประกบเป็นหัวโขน เหมือนกระดาษสาทำนองนั้น แต่จะทำจากต้นข่อย สิ่งเหล่านี้ถ้าเราไม่รักษาเอาไว้ก็จะสูญไปกับคนรุ่นเก่า นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงอนุรักษ์เอาไว้ให้ การแสดงโขนของเราก็เป็นการทำให้คนสมัยใหม่ชม รับสั่งว่าจะเพิ่มเทคนิคสมัยใหม่เข้ามา ก็ไม่ทรงขัดข้อง แต่ยังคงความเป็นโขนประเทศไทยอยู่ มีการเปลี่ยนฉากที่รวดเร็ว ทันใจคนปัจจุบัน มีการเหาะเหินเดินอากาศ ก็ใช้เทคนิคสมัยใหม่ ถ้าคุณไปดูโขนคุณจะเห็น เวลาเขาออกมาตอนจบ ตอนสุดท้ายที่ออกมาแสดงตัว คุณก็ไม่รู้หรอกว่าหนุมานบางครั้งถึง ๖ ตัว อินทรชิตถึง ๓ ตัว คือเวลาเหาะเหินเดินอากาศต้องมีความปลอดภัยที่จะใส่safetyเอาไว้เลย แล้วนั่งไว้เลย ไม่ใช่วิ่งกลับเข้าไปแล้วไปเหาะ ไม่ใช่ เพราะมันต้องปลอดภัย เราทำโขนมาทั้งเดือนต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยว่า อุปกรณ์เหล่านี้ต้องตรวจสอบกันทุกอาทิตย์ ๕ วันต้องตรวจสอบอุปกรณ์ว่าเรียบร้อยนะ ต้องมีความปลอดภัยสูง เพื่อว่าโขนพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถจะได้สมบูรณ์ อีกอย่างหนึ่งก็คือสอนคนดูโขนว่า คนที่เข้าไปดูโขนต้องไม่คุย ไม่อธิบายกันนะ คุณอ่านบทความซะก่อนนะ เรามีแบบสอบถาม ใบที่เราให้เขียน เขาจะบอกว่าช่วยบอกคนดูโขนหน่อยไม่ใช่มานั่งเล่าเรื่องทั้งเรื่อง แล้วก็รบกวนคนนั่งข้าง ๆ ปีนี้เป็นปีที่สมบูรณ์ที่สุด คือ ทุกคนนิ่งหมด ขอให้ปิดมือถือก็ปิด ทุกคนไม่มีการอธิบาย คือปีนี้ดีได้รับคำชมมาก ไม่ใช่แต่ทำการแสดงอย่างเดียว แต่สอนให้คนดูรู้จักวิธีการดูในส่วนรวม ให้เข้าระบบสากลได้ มีชาวต่างชาติมาดูเยอะมากปีนี้ นับว่าเป็น Tourist spot เขาก็รู้นะว่าเป็นโขนพระราชทานของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่รับสั่งให้ทำ เขาก็ชื่นชมมาก ได้คุยกับเขา แล้วก็มีชาวต่างชาติอื่น ๆ อีก ทางสถานเอกอัครราชทูตก็พาคนมาดู เราก็มีเบื้องหลังของการทำงานให้ดู เพราะฉะนั้นอยากจะบอกว่าสิ่งที่เป็นศิลปวัฒนธรรม พระองค์ทรงหวงแหน หนึ่งในนั้น นอกจากสถาบันสิริกิติ์ ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน อยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม มีพิพิธภัณฑ์ผ้าอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เราก็หวังวันหนึ่งข้างหน้า เราจะมีพิพิธภัณฑ์โขน ซึ่งเราต้องเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้เรามีอุปกรณ์มากมาย แล้วต้องเก็บอยู่ในโกดัง เราอยากมีพิพิธภัณฑ์โขน ซึ่งต้องใหญ่โตมากมาย เราได้ของบประมาณ และจะได้ทำโรงเก็บฉากก่อนที่ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด เราเพิ่งได้งบประมาณมา เป็นงบประมาณที่ต่อเนื่อง และเราก็จะทำเป็นโรงใหญ่มาก เอาฉากแต่ละฉากที่เรามีอยู่เป็นสิบ ๆ ไปเก็บไว้ และเก็บด้วยระบบสมัยใหม่ ว่าต้องเก็บอย่างไรไม่ให้ผุพัง ไม่ให้เสื่อม แล้วเวลาเลื่อนฉากเอามา ใช้รอกที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะนำออกมาใช้ ราชรถที่รบกันพระลักษณ์ พระราม กับทศกัณฑ์ หรือใครรบกัน ทำถึง ๕ ราชรถด้วยกัน ทำสำหรับเล่น ๓ ราชรถ และราชรถที่แกะละเอียดเป็นไม้ ตามแบบแผนดั้งเดิมก็ต้องมีโรงเก็บไว้แสดงให้เห็นถึงฝีมือช่างที่ละเอียด เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงหวังว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำ ทรงช่วยเหลือชาวบ้านให้มีกิน มีรายได้เสริมเข้ามาดูแลครอบครัวได้ เจ็บไข้ได้ป่วยมีเงินที่จะออกไปหาหมอได้ มีสิ่งซึ่งจะช่วยให้ลูกได้เล่าเรียนสูงต่อไปได้ ทรงทำทุกอย่างนี้ด้วยน้ำพระทัยที่อยากจะเห็นคนไทยมีความสุข รู้รักสามัคคี และจรรโลงประเทศชาติไว้ให้อยู่คู่แผ่นดินต่อไปอีกนาน ๆ และก็หวังว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำจะถูกสืบทอดต่อไป ศูนย์ฝึกศิลปาชีพ สถาบันสิริกิติ์ในปัจจุบัน มีการสืบทอดต่อไปในเด็กรุ่นใหม่แล้ว คนเราในปัจจุบันนี้ต้องช่วยกันสานต่อ ถ้ามีงานเหล่านี้ขึ้นมาไม่มีคนดู ไม่มีคนเห็นความสำคัญ ไม่มีคนใส่ใจ งานทุกอย่างก็จบ เหมือนการแสดงเหมือนกัน ถ้ามีคนทำมีคนแสดง แล้วคนดูไม่ดู ก็คือจบกัน คนก็ไม่มีกำลังใจทำ ถ้าเราได้ช่วยกัน ได้บอกต่อคนในยุคปัจจุบันว่า นี่คือของดีบ้านเรา ไม่มีเชย ไม่มีล้าสมัยแน่นอน เราจะยิ่งเข้าสู่สมาคมโลกมากเท่าไร เราเอาสิ่งที่เรามีไปอวดเขาเถอะ ไม่มีที่ไหนในโลก สิ่งที่ใหม่ ๆ ออกมา เทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ต่างประเทศก็มีของเขา เราก็ไม่ด้อย เราก็มีมาใช้ในการช่วยเหลือในการทำงานของประเทศชาติ ไม่ได้ล้าสมัย ไม่ได้เชย แต่สิ่งที่เรามีอยู่เป็นของดี เราต้องช่วยกันรักษาเอาไว้ รับสั่งกับคนไทยเสมอว่า คนไทยมีสายเลือดของการเป็นช่างอยู่ในตัวของเขา แต่ว่าไม่มีโอกาสแสดงออก พระองค์ไม่ได้ทรงทำอะไรเลย ทรงให้โอกาสให้แสดงออกมาซึ่งความสามารถของเขาเท่านั้นเอง นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงถ่อมพระองค์และรับสั่งไว้ แต่ว่าเราเห็นเลยว่าพระองค์ท่านทรงคิดได้อย่างไร ในขณะที่ต่างประเทศก็ข้องใจเหมือนกันว่าทรงทำได้อย่างไร ในการที่เอาคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่มีความรู้เลย ทรงนับหนึ่งตั้งแต่สอนให้ทำจนกระทั่งบัดนี้มีหลักฐานพยานอยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ทำถมทองได้สวยเหลือเกิน ยังรักษาคร่ำเอาไว้ได้ แกะสลัก สวยไปหมดเลย ทรงทำได้อย่างไรจากคนซึ่งทำอะไรไม่เป็นเลย ชาวต่างประเทศแรก ๆ เข้ามานึกว่า พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงสามารถดึงเอาคนเก่ง ๆ ทั่วประเทศมานั่งทำงานด้วยกันได้ ไม่ใช่ เราต้องอธิบายกับเขาเลยว่า พระองค์ไม่ได้ไปเอาคนเก่ง คนเก่งในบ้านเราแทบจะหาไม่ได้แล้ว อย่างที่เล่าให้ฟังคนทำคร่ำ คนทำจักสานก็เหลือคนเดียว ทรงทำเอาไว้ รับสั่งด้วยซ้ำไปว่าพระองค์ทรงเริ่มช้าไป ทรงเริ่มเมื่อปี ๒๕๑๕ ที่รับสั่งให้ท่านผู้หญิงสุประภาดาออกไป เพราะฉะนั้นเราถือว่าศูนย์ศิลปาชีพเริ่มเมื่อปี ๒๕๑๕ เป็นหลัก เป็นฐาน เป็นเรื่องราว แต่ ๔ ปีหลังจากนั้นถึงได้ตั้งเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ เพราะฉะนั้นวันนี้เล่าให้ฟังหลายเรื่องแล้ว และคิดว่ายังมีอีกเยอะ แต่ก็หวังว่าทุกท่านที่ได้ฟังก็จะมีความเข้าใจ และเห็นถึงพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงทำ ทั้งสองพระองค์ทรงเสียสละ เสด็จฯ ออกไปช่วยเหลือราษฎรทั่วประเทศมายาวนาน ทุกย่างที่เราเดินทางออกไปเราเห็น ถ้าไม่ใช่พระองค์ทรงทำและรักษาไว้ คงไม่ยั่งยืนจนถึงปัจจุบันนี้ ทุกคนมีน้ำใช้ ใครเดือดร้อนก็ถึงพระหัตถ์ ดินไม่ดีก็ทำให้ดินดี น้ำไม่มีก็มีน้ำ เราก็ต้องช่วยกัน ทั้งสองพระองค์ทรงทำงานมาอย่างยาวนาน จนมีพระชนมายุมากยิ่งขึ้น ก็หวังว่าคนไทยจะได้สำนึกและคิดถึงย้อนกลับไป อย่าดูแต่ปัจจุบันนี้ ทั้งสองพระองค์ทรงเหนื่อยยากมาขนาดไหน ทรงทุ่มเทให้กับแผ่นดินแค่ไหน และเราจะตอบแทนพระองค์ได้อย่างไร ถ้าพระองค์เห็นคนไทยมีความรัก มีความสุข สร้างชาติจรรโลงประเทศชาติต่อไปด้วยความมั่นคงยั่งยืน ด้วยความเป็นเอกราชของชาติเรา พระองค์ท่านจะทรงมีความสุข ขอบคุณค่ะ