พล.ต.อ.สุวิระทรงเมตตา สบ.10 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปปง อายัดทรัพย์สองสามีภรรยาเจ้าของร้าน เพชร มูลค่ากว่า 57 ล้านบาท พร้อมบ้านทรงไทย ไม้สักทอง มูลค่า 30 ล้านบาท จากกรณี เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม จับกุมแก๊งผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 4 คน ประกอบด้วย นายฌอน ปิแอร์ แอนเดรส นายเอนริเก้ ออตเตก้า นายเบญจามิน อีเซล โมโกยอน โลเปซ ทั้งสามเป็นชาวโคลัมเบีย และนายเช็ค มูหามัต สาลีม ราธพุธ ชาวปากีสถาน หลังทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุลักตู้เซฟในบ้านเลขที่ 2/150 หมู่บ้านอิมเมจเพลส หมู่ 8 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ของนายนพรัตน์ บุญจร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านบาท ต่อมา พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้นำหมายค้นศาล จังหวัดตลิ่งชัน เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 18/545 ซอย 4 ถนนบรมราชินีนาถ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด หลังสอบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การยืนยันตรงกันว่า ได้นำทรัพย์สินซึ่งส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณมาหล่อที่บ้านหลังดังกล่าวที่มีการเปิดกิจการเป็นร้านค้าทอง พร้อมดำเนินคดีกับ น.ส.กาญจนา ประสงค์เสรีนนท์ อายุ 50 ปี และนายชัชวาล เหล้าวรรณะ อายุ 49 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของบ้านในข้อหารับของโจร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.15 น.วันที่ 15 ม.ค. พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (สบ 10) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำหมายศาลจังหวัดราชบุรี เลขที่ 8/2560 ลงวันที่ 14 ม.ค.60 เพื่อเข้าอายัดบ้านไม้สักทรงไทย เลขที่ 69/1 หมู่ที่ 3 ต.วัดยางงาม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.กาญจนา กับ นายชัชวาล สองสามีภรรยา เจ้าของโรงงานแปรรูปเครื่องเพชรและทองรูปพรรณ ที่รับซื้อทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์ภายในบ้านนายนพรัตน์ บุญจร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.สุวิระ เปิดเผยว่า การเข้าอายัดทรัพย์สินครั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ที่จับกุมได้นั้นให้การรับสารภาพว่า นำทรัพย์สินทั้งทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง และเครื่องเพชร ที่ได้จากการโจรกรรมมาขายต่อให้กับ น.ส.กาญจนา กับนายชัชวาล 3-4 ครั้ง โดยราคาทรัพย์สินทั้งหมดที่สองสามีภรรยารับซื้อนั้น เป็นเงินแค่ 4 แสนบาท ต่ำกว่าราคาตลาดคือประมาณ 5 ล้านบาท เมื่อรับซื้อมาแล้ว ทั้งคู่ก็รีบนำไปแปรรูปทันทีด้วยการแกะเพชรออก แล้วหลอมเป็นทองคำแท่ง การกระทำนี้ถือว่ามีความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 3 อนุ 11 ฐานรับซื้อของโจรเพื่อการค้า มีอันตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวต่อว่า ทางตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่ ปปง.เข้ามาอายัดทรัพย์สินของ น.ส.กาญจนา โดยจุดแรกคือบ้านทรงไทยหลังดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการปลูกสร้างเป็นไม้สักทั้งหลัง ตีมูลค่า 30 ล้านบาท ที่ดินตีมูลค่า 15 ล้านบาท รวมเป็น 45 ล้านบาท นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อีกชุดยังนำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน เลขที่ 4/2560 ลงวันที่ 14 ม.ค. เข้าตรวจยึดบ้านเลขที่ 356 ซอยบรมราชชนนี 4 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด ซึ่งเปิดเป็นโรงงานแปรรูปทองคำ เป็นอาคาร 2 คูหา ตีมูลค่า 10 ล้านบาท ยึดเครื่องเพชรและทองรูปพรรณ มูลค่ารวม 2 ล้านบาท รถเก๋ง 3 คันประกอบด้วยยี่ห้อฮอนด้า โอดีเซ่ ยี่ห้อโตโยต้า แกรนด์ไฮเเอท และบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรี่ย์ 7 ตีมูลค่ารวม 1.1 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดทั้ง 2 จุด ทั้งสิ้น 57 ล้านบาท พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาชาวโคลัมเบียนั้นมีทั้งหมด 6 คน จับกุมไปแล้ว 4 คน เหลืออีก 2 คนที่ยังหลบหนี คือนายเฟอร์นันโด ซึ่งเป็นเปิดเซฟและนำทรัพย์สินไปขายให้สองสามีภรรยา ส่วนอีกคนคือนายมาร์โก้ ที่นำทองคำแท่งกับทองรูปพรรณบางส่วนไป คาดว่า อาจจะนำไปขายต่อที่ร้านอื่น หรือส่งออกไปต่างประเทศ โดยทั้งหมดถือว่าถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน "ทำการโจรกรรมจนเป็นปกติวิสัย" มีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าความผิดในฐานลักทรัพย์ แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า การที่สองสามีภรรยาได้รับซื้อของโจรนี้คงจะกระทำการดังกล่าวมานานแล้วเนื่องจากว่าของกลางบางอย่างที่พบยังไม่มีผู้มาแสดงเป็นเจ้าของก็แสดงว่าเป็นคดีอื่นที่ แก๊งอื่น นำมาขายให้ แล้วเชื่อว่า มีอีกหลายแก๊ง ทั้งคนไทยและชาวโคลัมเบีย ที่โจรกรรมทรัพย์สินหรือขโมยทรัพย์สินจากบ้านต่างๆก็จะนำมาขายให้กับสองสามีภรรยาคู่นี้ซึ่งทางเรา จะได้ทำการ สืบสวนขยายผลต่อไป และเป็นเหตุให้ทาง ปปง สงสัยว่า เงินทองที่ได้มา ได้มาอย่างไรถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้น สองสามีภรรยาคู่นี้ ไม่ได้แสดงหลักฐานการซื้อขายหรือจำหน่ายเพชรทองแต่อย่างใดให้ทราบ รวมถึงการเสียภาษีและก็ไม่มีใบอนุญาตในการรับซื้อของเก่า ทางเจ้าหน้าที่ปปง จึงได้ อายัดทรัพย์ไว้ก่อนเพื่อรอการพิสูจน์หลักฐานต่างๆว่าทรัพย์สินที่ได้มานั้น ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ของกลาง ไม่ว่าจะเป็นเพชร ทองยังคงอยู่ที่สถานีตำรวจภูธร โพธิ์แก้ว หากว่าประชาชน ท่านใดสงสัยคิดว่า เป็นของตัวเองที่ถูกโจรกรรมไปก็สามารถไปขอดูของกลางได้ที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีเราจะได้ทำการขยายผลเพิ่มเติมอีกต่อไป ส่วนสองสามีภรรยาขณะนี้ศาลยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว ยังคงอยู่ในเรือนจำ