พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นประธานแถลงข่าว "ก้าวกระโดดกีฬาไทย" ผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 60 พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการปฏิรูปกีฬาในทุกมิติ โดยที่ผ่านมา 1 ปีเศษคณะกรรมาธิการฯ ผลักดันให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ, ทำแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6, ยกระดับสู่ยุคอุตสาหกรรมกีฬาเต็มตัว, ใช้ยุทธศาสตร์กีฬาลดความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ของไทย จากนั้นมีการเปิดวิดีทัศน์เพื่อสรุปภาพรวมการดำเนินงานของอนุกรรมาธิการฯ ซึ่งประเด็นใหญ่อยู่ที่การผลักดันให้มีการแยกงานกีฬาออกจากงานท่องเที่ยว ในกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยให้จัดตั้งเป็นกระทรวงกีฬาแบบเอกเทศน์ โดยระบุว่าเป็นความเห็นร่วมกันของทุกภาคส่วนทั่วประเทศจากการเดินสายทำประชาพิจารณ์ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า แนวทางการปฏิรูปที่กำหนดกรอบดำเนินการ 6 หัวข้อใหญ่คือ 1.แยกงานกีฬาออกจากงานท่องเที่ยว 2.จัดตั้งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ 3.ส่งเสริมโครงการเอื้อหนุนด้านกีฬา 4.การก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมกีฬา 5.จากแผนพัฒนากีฬาชาติฉบับที่ 5 สู่ฉบับที่ 6 และ 6. การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกีฬา โดยเป็นที่น่ายินดีที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีการบัญญัติถ้อยคำเกี่ยวกับ "กีฬา" ไว้ในมาตรา 71 วรรคแรก รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้มีการจัดตั้ง "คณะกรรมการนโยนบายการกีฬาแห่งชาติ", ตั้ง ม.กีฬาแห่งชาติ โดยมีเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานอยู่ 2 เรื่องใหญ่คือ 1.การตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งชาติ และ2.การตั้งกระทรวงกีฬา นายชาญวิทย์กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายกีฬาการกีฬาแห่งชาติ จะมีกรรมการ 29 คน มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายทำหน้าที่ประธาน ซึ่งจะกำกับดูแลบอร์ดทุกชุดในวงการกีฬา ส่วนการตั้ง"มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ" จะตั้งใน 4 ภาคคือ เหนือ, อีสาน, กลาง และใต้ ด้านการตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งชาติ ทุกฝ่ายตั้งความหวังว่าโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว นักกีฬาไทยจะคว้าได้อย่างน้อย 3 ทอง "เรื่องสุดท้ายการแยกกีฬาออกมาจัดตั้งเป็นกระทรวงกีฬา ภารกิจนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานกีฬาชาติ อยากให้ทำเป็นเรื่องสุดท้าย โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ กำลังศึกษาแนวทางอยู่