นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวว่าจะไม่ลงนามเอ็มโอยูทำสัตยาบันเพื่อยุติความขัดแย้งนั้น ขอเรียนว่าตนก็เห็นด้วยกับนายสุเทพ ที่ผ่านมาตนไม่เคยพูดว่าจะเซ็นเอ็มโอยู แต่พร้อมที่จะพูดคุยฉันมิตร หรือจะไปนั่งกินกาแฟพูดคุยกันก็ได้ ตนเห็นว่าการลงนามแทนองค์กรนั้น ถ้าขณะนี้ยังมีการห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง ผู้ที่ลงนามยังไม่ได้รับฉันทานุมัติจากองค์กร แล้วใครจะสามารทำหน้าที่ลงนามแทนองค์กรนั้นๆได้ ดังนั้นตนก็ถามไปยังทางพรรคเพื่อไทยว่าถ้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยังห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองอยู่ แล้วเขาจะไปลงนามได้อย่างไร นายถาวรกล่าวว่าขอถามต่อว่าถ้าหากมีการลงนามแล้ว จะเป็นข้อบังคับให้ปฏิบัติตามหรือไม่ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมีกฎหมายข้อไหนที่จะมาลงโทษ ซึ่งตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือเจตนาที่นายสุเทพได้พูดออกไป ที่ผ่านมาตนเห็นมีการทำเอ็มโอยูกันมากมาย อาทิ สมัยนายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยลงสัตยาบันกับพรรคที่จะจัดการเลือกตั้ง แต่วันต่อมาเขาก็เบี้ยวไปคุยกับพรรคเล็กทันที เพราะฉะนั้นตนมองว่าสัตยาบันนั้นยังไม่ใช่ข้อบังคับเด็ดขาด วันนี้พูดพรุ่งนี้จะเปลี่ยนคำพูดก็ได้ วันนี้รัฐบาลนี้แถลงว่าจะปราบปรามการทุจริตแต่พอเป็นพวกเดียวกันทำ เขาอาจจะทำเฉยเมยก็ได้ ดังนั้น เมื่อถามต่อถึงกรณีที่พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้กล่าวการสร้างความปรองดองควรจะสานต่อรายงานข้อเสนอเรื่องการสร้างความปรองดองที่ผ่านมา นายถาวรกล่าวว่าตนเห็นด้วย และขอเสนอว่าควรแต่งตั้งนายคณิต ณ นคร อดีตประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) เข้าไปทำหน้าที่กรรมการสร้างความปรองดองด้วย “ความคิดเรื่องการเสนอหาวิธีการสร้างความปรองดองของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ถ้าหากเดินไปสู่วัตถุประสงค์เดียวกันก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่ต่างคนก็เห็นต่างกัน และต่างก็มาปรับจูนให้เข้าหากัน”นายถาวรกล่าว เมื่อถามต่อถึงกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งรายนามส่วนมากเป็นทหารนั้น นายถาวรกล่าวว่าเรื่องนี้ตนไม่อยากจะติเรือทั้งโกลน เมื่อเขาตั้งใจอยากจะทำ ก็ต้องให้เวลาเขาทำงาน