"น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ดีกรีเหรียญทองแดงริโอเกมส์ หวังหยิบทองสมัย 3 ศึกเทควันโด "ยู.เอส.โอเพ่น 2017" ที่ลาสเวกัส สหรัฐฯ ช่วงปลายเดือนนี้ หลังขยับน้ำหนักตัวมาเตะรุ่น 53 กก.ได้แบบไร้ปัญหา เพียงแต่ต้องเพิ่มเติมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อส่วนบนในการปะทะกับคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า ความเคลื่อนไหวนักเทควันโดทีมชาติไทย ที่มีโปรแกรมเดินทางไปแข่งขันเก็บคะแนนสะสมจัดอันดับโลก รายการแรกของปีนี้คือศึก “ยู.เอส.โอเพ่น 2017” ระดับจี 2 โดย "แชมป์" ในแต่ละรุ่นจะได้คะแนนสะสม 20 แต้มเป็นอย่างน้อย เริ่มช่วงวันที่ 30 ม.ค.จนถึงวันที่ 5 ก.พ.นี้ ณ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ "บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้เปิดโผรายชื่อ 6 จอมเตะฝีเท้าฉมังออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ชาย 3 คน คือ รุ่น 58 กก. ภายใต้การนำทัพของ "เจ้าเทม" เทวินทร์ หาญปราบ ดีกรีเหรียญเงินริโอเกมส์ 2016 ที่บราซิล, รุ่น 54 กก."เจ้าจูเนี่ยร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี อดีตเหรียญทองยู.เอส.โอเพ่น กับ รุ่น 63 กก. "เจ้านัท" ณัฐวีร์ กล่อมพงษ์ อดีตเหรียญทองซีเกมส์ ส่วนนักกีฬาหญิงอีก 3 คน ได้แก่ รุ่น 49 กก. "น้องมิ้นท์" นภาพร จรณวัต เจ้าของแชมป์เยาวชนโลกคนล่าสุด ที่แคนาดา, รุ่น 53 กก. "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อดีตแชมป์โลก ในฐานะเจ้าของเหรียญทองแดงริโอเกมส์ 2016 ที่บราซิล ซึ่งขยับมาเตะรุ่นนี้เป็นครั้งแรก และ รุ่น 57 กก. "น้องนก" พรรณภา หาญสุจินต์ อดีตเหรียญทองซีเกมส์ พร้อมเป้าหมายจะต้องมี 1 เหรียญทองกลับมา ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชจอมเฮี้ยบ" เช ยอง ซอก หัวหน้าฝึกสอนทีมชาติไทยชาวเกาหลีใต้ ที่จับนักกีฬาฟิตหนักวันละ 3 เวลา ที่ศูนย์ฝึกสมาคมฯ กกท.หัวหมาก ล่าสุดในส่วนของ "น้องเทนนิส" พาณิภัค หนึ่งในจอมเตะความหวังหลักเปิดเผยว่า หลังได้หยุดพักผ่อนไปมากพอสมควร เพื่อสะสางปัญหาเรื่องการเรียนของตัวเองที่จุฬาฯ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา เว ลานี้ก็ได้กลับมาฟิตซ้อมดูแลร่างกายตามปรกติแล้ว โดยเฉพาะการควบคุมในเรื่องของน้ำหนักและพละกำลังให้คงที่ดีขึ้นจากเดิมที่เป็นอยู่ เวลานี้สภาพร่างกายโดยรวมก็เกือบสมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงแค่การเพิ่มเติมในเรื่องของเทคนิค และการศึกษารายละเอียดกฏกติกาใหม่จาก สหพันธ์เทควันโดโลก หรือ "ดับเบิ้ลยูทีเอ" ที่มีเพิ่มเติมมาใหม่เกือบ 10 ข้อ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเองเวลาลงไปในสนาม ซึ่งนักกีฬาส่วนใหญ่ก็พยายามศึกษาเรื่องนี้อยู่ เพราะการแข่งขันรายการนานาชาติจากนี้ไปจะยึดกฏกติกาใหม่เป็นหลัก จึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจมากพอสมควร อย่างไรก็ตามศึกเทควันโด "ยู.เอส.โอเพ่น" ครั้งนี้ ส่วนตัวแอบหวังใจลึกๆเอาไว้ว่า จะคว้าเหรียญทองสมัยที่ 3 กลับมาอีก เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองเคยได้เหรียญทองมาแล้ว 2 สมัย คือ ปี 2013 ที่ลาสเวกัส และ ปี 2016 ณ เมืองรีโน ประเทศสหรัฐอเมริกาในรุ่นน้ำหนัก 49 กก. ยิ่งตอนนี้ตัวเองขยับมาเตะในรุ่นน้ำหนัก 53 กก.แล้ว ถือว่า ไม่ค่อยเหนื่อยและลำบากมากนักในการควบคุมน้ำหนักและทุกอย่างก็ค่อนข้างลงตัวดี เห็นได้จากการฟิตซ้อมเข้าโปรแกรมในแต่ละวัน อย่างไรก็ตามต้องควบคุมทุกอย่างให้ดี เพราะนี่คือ การทดลองมาเตะในรุ่นดังกล่าว พร้อมกันนี้ตัวเองก็ได้เสริมในเรื่องของความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อส่วนบนให้หนาขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะแรงปะทะเวลาเจอกับคู่แข่งขันที่ตัวใหญ่กว่า พาณิภัค อดีตเหรียญทองยู.เอส.โอเพ่น 2 สมัย ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเคยมีความรู้สึกท้อแท้อยู่มิใช่น้อย เพราะการฟิตซ้อมหนักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจในการรับใช้ชาติไปแล้ว แต่ก็ได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัวและทีมงานสตาฟฟ์โค้ช รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมและคนรอบข้าง เลยทำให้กลับมาตั้งใจสู้ต่ออีกสสักครั้ง โดยเฉพาะกีฬาโอลิมปิกเกมส์อีก 4 ปีข้างหน้า หรือ โตเกียวเกมส์ปี 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนตัวอยากไปแก้มือเพื่อสร้างผลงานที่ดีกว่าเดิมกลับมาให้ได้