รวบครูสอนภาษาแฝงตัวร่วมสัมนาก่อนฉกทรัพย์ พบทำมาแล้วหลายครั้งได้โน๊ตบุ๊กไปแล้วมากกว่า 50 เครื่อง เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่สน.ดอนเมือง พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.ศันสนะ พิริยจิตตะ สว.กก.5 บก.ป. พ.ต.ท.สมภพ เล็กกลาง สว.สส.สน.ดอนเมือง ร.ต.อ.ภาคิน ดอกไม้ ร.ต.อ.ไพศาล เดชกัลยา ร.ต.ท.สมโชค คงตำหนิ ร.ต.ท.กมล ธีระภาพ รอง สว.สส.สน.ดอนเมือง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ร่วมกันจับกุมตัวนายกิตติธัช วุฒิภัทรพล อายุ 47 ปี พักบ้านเลขที่ 161 ซ.วัดประชาระบือธรรม แขวงถนนนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ 13 /2560 ลงวันที่ 23 มกราคม 2560 ข้อหาลักทรัพย์ โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณหน้าร้าน บีทูเอส ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ม.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 2 คนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับร.ต.อ.หญิง วันรัตน์ หงส์สัมฤทธิ์ รอง สารวัตร(สอบสวน)สน.ดอนเมือง ว่าระหว่างที่ทั้งสองคนได้มาร่วมการประชุมที่ห้องประชุมกินรี ภายในโรงแรมอมารี แอพอร์ต แขวงและเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ และระหว่างกลับมาจากพักเที่ยง พบว่าทรัพย์สินเป็นโน๊ตบุ๊ก จำนวน 2 เครื่องซึ่งเป็นของผู้เสียหายทั้งสองได้หายไป จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมพบชายอายุประมาณ 40-45 ปี เดินอยู่บริเวณห้องประชุมก่อนจะสะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊ก จำนวน 2 ใบออกไปจากโรงแรม แล้วขึ้นรถแท็กซี่หน้าโรงแรมออกไป ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่าคนร้ายได้นำโน๊ตบุ๊กไปขายที่ร้าน p@s service ภายในห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบก่อนตรวจยึดของกลางกลับมาได้ และจากการสอบสวนเจ้าของร้านทราบว่าผู้ที่นำมาขายนั้นคือนายกิตติธัช หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดขออนุมัติหมายจับ ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 24 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบนายกิตติธัช ผู้ต้องหาตามหมายจับเดินอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพบนายกิตติธัช เดินอยู่หน้าร้าน บีทูเอส ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว หลังจากนั้นจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่พร้อมแสดงหมายจับ โดยนายกิตติธัช ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่สน.ดอนเมือง จากการสอบสวนนายกิตติธัช ให้การรับสารภาพว่าตนมีอาชีพเป็นครูสอนภาษอังกฤษทั่วไป โดยก่อนเกิดเหตุตนกำลังนั่งรถเมล์ไปทำธุระย่านปทุมธานี เมื่อมาถึงช่วงหน้าสนามบินดอนเมือง เกิดปวดท้องจึงลงรถแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำภายในโรงแรมอมารี แอร์พอร์ตเมื่อเสร็จกิจได้เดินผ่านห้องประชุม และเห็นว่าประตูเปิดอยู่ ตนจึงเดินเข้าไปดู พบเพียงโน๊ตบุ๊กวางอยู่บนโต๊ะใกล้กับประตู แต่ภายในห้องประชุมไม่มีคนประกอบกับช่วงนี้ตนกำลังขัดสนเรื่องการเงิน จึงตัดสินใจหยิบออกมา แล้วนำไปขายที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ในราคา 9,000 บาท ก่อนมาถูกจับกุมดังกล่าว นายกิตติธัช ยังให้การยอมรับอีกว่าเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งและเคยก่อเหตุในท้องที่ บางรัก บางเขน พญาไท หลักสี่ และจ.ปทุมธานี ซึ่งถูกดำเนินคดีไปหมดแล้ว โดยจะทำทีเป็นผู้ที่มาร่วมการประชุม หรือสัมนา เมื่อสบโอกาสก็จะเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโน๊ตบุ๊ก เนื่องจากหยิบฉวยได้ง่าย ก่อนจะนำไปขาย และได้โน๊ตบุ๊กไปขายแล้วมากกว่า 50 เครื่อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ซึ่งคาดว่าน่าจะลงมือก่อเหตุมามากกว่านี้ ซึ่งถ้าผู้เสียหายรายใดคาดว่าน่าจะถูกนายกิตติธัช ลักทรพย์ไปสามารถมาดูตัวได้ที่สน.ดอนเมือง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมืองดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป