เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ปปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 16 คน พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 31.79 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 1,477,600 เม็ด โคเคน 650 กรัม ฝิ่น 1,590 กรัม รถยนต์จำนวน 4 คัน รถจยย. 2 คัน และโทรศัพท์มือถือจำนวน 18 เครื่อง รวมมูลค่าของกลางกว่า 395,279,000 ล้านบาท คดีแรกจับกุมนายวรพจน์ นวมน้อย อายุ 44 ปี น.ส.นริสรา บรรจงการ อายุ 22 ปี นายชัชวาลย์ คล้ายเจียว อายุ 26 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 745,600 เม็ด ยาไอซ์ 14 กก.โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง รถกระบะ 1 คันและรถจยย. 1 คัน การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายวรพจน์มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จึงติดตามเฝ้าดูพฤติกรรม ต่อมาวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวรพจน์ได้ออกจากที่พักย่านบางบัวทองเข้าไปภายในห้องแถวที่ได้เช่าไว้ ก่อนออกมาพร้อมถุงพลาสติก 2 ถุง ใส่ท้ายรถกระบะและขับไปบริเวณคลังสินค้าบริษัท port 09 หมู่ 5 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากนั้นนายวรพจน์ได้จอดรถ และหยิบถุงพลาสติกไปวางไว้ในกองเศษไม้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด จากการสอบถามทราบว่สจะนำมาส่งให้ลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงให้นายวรพจน์ติดต่อไปนัดหมายคนที่จะมารับ จากนั้นน.ส.นริสราและนายชัชวาลย์ได้ขับขี่รถจยย.ไปยังจุดนัดพบ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม อต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไหวตัวได้วิ่งไปขึ้นรถจยย.เพื่อหลบหนี ก่อนเจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับผู้ต้องหาไว้ได้ทั้งหมด ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจค้นที่ห้องแถวของนายวรพจน์สามารถยึดยาบ้าและยาไอซ์ได้อีกจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผลจับกุมเป็นคดีที่ 2 ได้ผู้ต้องหา 5 คน ประกอบด้วย นายสุทัศน์หรือโก้ เทียนทอง อายุ 37 ปี นางชญานันท์หรืออ้อม เทียนทอง อายุ 38 ปี นายพิทยาหรือโต้ง แสงจีน อายุ 35 ปี นายอาทิตย์หรือปุ๋ย เกิดผล อายุ 33 ปี และนายวิธานหรือบอยหรือดำ สุดสงวน อายุ 33 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 50,000 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 410 กรัม รถจยย. 1 คัน รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่อง และคดีที่ 3 นายณรงค์ชัยหรือนิค พรหมสุวรรณ อายุ 21 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด ยาไอซ์ 5 กก. คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่จับกุมน.ส.ยูเลีย มาคูโชวา หรือ Ms.YULIA MAKUSHOVA หรือ Ms.IULIIA MAKUSHOVA สัญชาติรัสเซีย พร้อมของกลาง โคคาอีน 57 ก้อน น้ำหนักรวมประมาณ 650 กรัม โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และบัตรอีเล็คทรอนิก Tinkoff Bank จำนวน 1 ใบ สามารถจับกุมได้ที่ ห้องตรวจเอ็กซเรย์ศุลกากร ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ จ.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีหญิงสาวชาวรัสเซียเดินทางด้วยสายการบินแห่งหนึ่งมาจากเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศไทย ต่มาวันที่ 17 ม.ค. เจ้าหน้าที่พบหญิงสาวชาวรัสเซียบักษณะท่าทางมีพิรุธออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบสัมภาระและสิ่งของต่างๆด้วยเครื่องเอ็กซเรย์แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย อต่จากการสอบถามมีพิรุธหลายอย่างเจ้าหน้าที่จึงให้น.ส.ยูเลียเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ พบมีวัตถุแปลกปลอมอยู่ในท้องเป็นก้อนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงให้ผู้ต้องหาไปขับถ่ายเอาวัตถุที่อยู่ในท้องออกมาได้จำนวน 57 ก้อน ต่อมาน.ส.ยูเลียได้ให้การรับสารภาพว่าได้นำโคคาอีนดังกล่าวให้กับเครือข่ายผู้ว่าจ้างในประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.3 ดำเนินคดีต่อไป คดีที่ 5 เจ้าหน้าที่บช.ปส. สรลนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ส่วนสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดประจำท่าอากาศยานและท่าเรือ (ปป.6) ยึดพัสดุต้องสงสัยที่จะนำส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถยึดของกลางประกอบด้วย ฝิ่นทั้งหมด 130 ก้อน ซุกซ่อนอยู่ในพื้นรองเท้าเด็กจำนวน 10 คู่ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,590 กรัม สามารถตรวจยึดได้ที่บริษัทรับส่งพัศดุระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ คดีที่ 6 เจ้าหน้าที่บช.ปส.จับกุมนายพิษณุหรือบาส นิ่มนวล อายุ 36 ปี นายพฤหัสหรือตรี พุทธประสิทธิชัย อายุ 36 ปี และนายณัฐวุฒิหรือหลงหรือต้น คงวัฒนา อายุ 36 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ 2 กก.รถยนต์ 1 คันและโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง สามารถจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ส่วนคดีสุดท้ายจับกุมนายอานนท์ ไกรสุธา อายุ 36 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า 542,000 เม็ด ยาไอซ์ 10.383 กก. โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้อง 512 ชั้น 5 อาคารเดอะมาชาลีอพาร์ทเม้นท์ ซอยรัชดาภิเษก 32 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.