ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected] อ่างเก็บน้ำสหกรณ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ(จบ) ในพื้นที่นิคมสหกรณ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสหกรณ์ อำเภอสันกำแพง ได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านบางคนถึงความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ภาพชาวบ้านยกมือขึ้นเหนือหัวสาธุพร้อมคำถวายพระพรตามภาษาชาวบ้าน “ให้พ่อหลวงอายุยืน” เสียงสั่นเครือที่กล่าวผ่านลำคอ สีหน้าอาการบ่งบอกถึงความเทิดทูน สื่อความสุขความปลื้มปีติที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจนมีวิถีชีวิตที่ดีงามทุกวันนี้ พื้นที่นิคมสหกรณ์ที่ชาวบ้านได้รับพระราชทานจัดสรรให้ทั้งที่เป็นที่อยู่และที่ทำมาหากิน เป็นพื้นราบสูงเชิงเขาจะพบปัญหาสำคัญคือแหล่งน้ำ ต้องมีแหล่งน้ำเก็บกักไว้ให้ได้ใช้ประโยชน์ เก็บกักน้ำจากฝนที่เทลงมาแล้วส่วนหนึ่งไหลทะลักมาจากยอดเขาก็จะได้ลงแหล่งน้ำ แหล่งน้ำจะเป็นส่วนสำคัญในการชะลอและเก็บกักไว้หลังจากที่ฝนผ่านไปแล้วยังคงเหลือน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ จึงเป็นที่มาของอ่างเก็บน้ำสหกรณ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่น่าจะสร้างไว้ในทุกหมู่บ้านสหกรณ์หน่วยงานที่รับสนองพระมหากรุณาธิคุณในเวลานั้นก็คือสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท(รพช.)กระทรวงมหาดไทย วันนี้ไม่มีรพช.มีแต่กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับช่วงการฟื้นฟูดูแลรักษาสนองพระมหากรุณาธิคุณพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่อเนื่อง คุณทวีศักดิ์ สุขธงไชยกูล ล่ำลาตำแหน่งผอ.กลุ่มประชาสัมพันธ์กรมทรัพยากรน้ำด้วยครบเกษียณอายุราชการพาไปเยี่ยมอ่างเก็บน้ำสหกรณ์ฯ 3 ถึงช่วงที่ผ่านมาฝนฟ้าตกน้อยกว่าเก่าก่อนมากแต่ไม่น่าเชื่อสายตาเลยว่า น้ำที่ยังมีเก็บกักไว้ในอ่างระหว่างดอยล้อมสี่ด้านมีปริมาณที่สามารถจะรองรับการใช้ประโยชน์ทั้งในการอุปโภคบริโภคจนถึงการเกษตรได้ไม่ถึงกับอดอยากขาดแคลนแน่ สายน้ำนิ่งสงบที่มองจากมุมดอยด้านหนึ่งทอดยาวไปจรดเชิงดอยอีกมุมด้านหนึ่งแม้มิได้สัมผัสความเย็นฉ่ำของน้ำ แต่ความรู้สึกกลับได้รับความฉ่ำเย็นได้จากไอน้ำที่ลอยฟ่องมากับสายลมเอื่อยพัดพาผ่านร่างกายภายใต้ร่มเงาแห่งแมกไม้ที่ได้รับผลพวงจากความชุ่มชื้นแห่งน้ำที่ชุบชะโลมภายใต้พื้นดิน ดื่มด่ำกับความชุ่มเย็นแห่งแมกไม้และสายน้ำพอสมควรแล้วเราแวะเยือนชุมชนแห่งบ้านสหกรณ์ฯ 3 พบพูดคุยกับชาวบ้านสองสามคน แม้เพิ่งเคยพบพานแต่สัมผัสจากภาพที่เห็นด้วยตาส่งผ่านถึงความรู้สึกได้ว่าชาวบ้านที่พบเจอนี้ดำรงชีวิตที่มีความสุขอย่างแน่นอน “ชาวบ้านที่นี่ทั้งหมดในหลวงพระราชทานที่ให้ทุกคน ที่ที่ใช้น้ำฝนก็ครอบครัวละ 2 ไร่ ที่ที่ใช้น้ำที่อ่างได้ด้วยก็ ไร่ครึ่ง แต่เขามีแยกว่าที่งามไม่งาม ที่งามคือพื้นราบก็ได้ที่น้อยหน่อย มีเกือบร้อยครอบครัวนะ”สมศรี สมพุฒิ วัย 60 กว่าบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ประนอม เรือนคำ วัยใกล้ 60 นั่งอมยิ้ม เริ่มคุ้นเคย ทั้งสองคนเลยช่วยกันเล่าว่าเดิมทีมีหมู่ 1-6 แต่มีสมทบเพิ่มเป็น 7-8 ก็ได้รับพระราชทานเช่นกัน “ตอนยังไม่มีอ่างเก็บน้ำรอน้ำฝนเท่านั้น บางช่วงน้ำกินก็แทบไม่มีต้องไปหาบกันมาจากที่อื่น” สมศรีบอกด้วยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินมาพื้นที่ จำได้ว่าประมาณพ.ศ.2518 อายุก็ราวๆ 20 ได้เข้าเฝ้าฯด้วย ก่อนหน้านั้นก็ฝันนะฝันอยากเห็นพระองค์ใกล้ๆ พอได้เฝ้าฯจึงปลื้มมากเลยปลื้มที่สุด ดีใจมาก “ยังจำได้ถึงพระราชดำรัสได้ยินชัดเลยตรัสว่าขอให้รักกัน สามัคคีกัน”สมศรียิ้มแล้วบอกอีกว่า เพราะในหลวงรัชกาลที่9คงทรงกลัวว่าคนมาจากต่างที่จะทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน แย่งที่กัน แล้วพระองค์ไม่ได้เสด็จฯแค่ครั้งสองครั้งติดต่อกันนะ ช่วงปี2528-2529 ก็เสด็จฯมา เพราะมีพระราชดำริให้สร้างโรงสีข้าวพระราชทานเล็กๆให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างเขาสี แต่ดูเหมือนว่าจะมีการสร้างที่ใหญ่โตเกินจำเป็นผิดพระราชประสงค์ ตอนนี้โรงสีดังกล่าวไม่มีแล้วรื้อทิ้งไปหมดแล้วเพราะเก่าแก่เกินไป ทั้งสองคนช่วยกันเล่าอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงทราบดีว่าชาวบ้านมีปัญหาเรื่องน้ำ จึงมีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำทุกหมู่บ้าน เป็นอ่างเก็บน้ำสหกรณ์ฯ 1-2-3 ฯลฯด้วยน้ำดังกล่าวช่วยเสริมให้ชาวบ้านได้ใช้ในการทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นทำนา ทำสวน ปลูกผัก หรือเลี้ยงสัตว์ สมัยรพช.ก็ทำท่อเข้าไปถึงบ้านให้แล้วก็สะดวกมาก ถ้าเอาน้ำไปใช้ทำนาทำสวนจะต้องเสียค่าน้ำไร่ละ 50 บาท “ทุกวันนี้แทบทุกหลังคาเรือนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มาอยู่ในสหกรณ์พระราชทานที่ปลูกบ้านที่ทำกินให้ จากที่เคยไม่มีที่ ยากจน ก็มีที่เป็นของตัวเองถึงจะไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ก็ตาม ทำให้ทำมาหากินอยู่กับที่เป็นหลักแหล่ง จนสามารถเก็บออมส่งเสียลูกหลานมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขมีความสบาย โดยยึดแนวทางพระราชทานคือวิถีแห่งเศรษฐกิจพอเพียง ไม่รวยแต่ไม่ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน เป็นบุญของพวกเราทุกคนที่เกิดมาในใต้ร่มพระบารมี คนไทยโชคดีที่สุดที่มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ มีโอกาสก็บอกกับลูกๆหลานๆให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถของเรา”ทั้งสามคนยกมือสาธุด้วยรอยยิ้มที่สังเกตเห็นว่ามีน้ำใสๆปริ่มล้นเอ่อจากดวงตาคลอเบ้า.........