พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองราชย์ยาวนานที่สุด อีกทั้งทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ธ สธิตอยู่ในดวงใจของพสกนิกรทั่วพื้นแผ่นดิน ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระอัจฉริยภาพด้านการพัฒนาทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้แก่ สาธารณสุข การศึกษา สังคมสงเคราะห์ คมนาคม การสื่อสาร การพัฒนาส่งเสริมอาชีพทุกด้านเช่น การเกษตรกรรม ปศุสัตว์ การประมง พระราชกรณียกิจที่ก่อให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริล้วนแล้วทรงทำเพื่อประชาชนของพระองค์ท่านที่ทรงรักและห่วงใย ทรงต้องการให้ประชาชนมีที่ทำกิน ที่อยู่เพื่อพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ทรง งานตรากตรำพระวรกายด้วยพระวิริยอุตสาหะเป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรและชาวโลก ทรงทุ่มเทเพื่อแผ่นดินนี้มากมายตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสมดังพระราชปณิทานพระราชทานไว้เป็นพระปฐมบรมราชโองการความว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” วันที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย นำความโศกเศร้าอาดูรมาสู่คนไทยทั้งประเทศจนวันนี้เสด็จสู่สวรรคาลัยครบ 100 วันแล้ว ความอาลัยอาดูรยังไม่จางหายไปจากหัวใจคนไทยทั้งประเทศยังคงน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระผู้ทรงพัฒนาและทรงทุ่มเทอย่างหนักในการทรงงานเพื่อนำความผาสุกมาสู่พสกนิกรคนไทยอย่างไม่เคยทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริอันเป็นรากฐานสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ทรงเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจที่ดีอย่างหาที่สุดมิได้ให้กับประชาชน ทุกคนมีความภาคภูมิใจ มีความสุข ร่มเย็นเมื่ออยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน นิตยา ตั้งสุขสรรค์ อาชีพ สถาปนิก บอกความรู้สึกว่า “อยากจะขอเป็นส่วนหนึ่งของคนไทย อยากมาอยู่ใกล้ให้มากที่สุด การที่ในหลวงสอนเรื่องความพอเพียงเหมาะกับประเทศไทยที่สุดหลักการนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งการงานและชีวิตประจำวัน ไม่เอาเปรียบเพื่อนบ้านเกินไป คิดทำในส่วนรวม การทำงานคิดถึงประโยชน์ส่วนรวม นึกถึงในหลวงท่านทำงานหนัก มากกว่างานที่เราทำอยู่มากมาย ในหลวงทรงทำงานหนัก บางครั้งเรารู้สึกเหนื่อยเมื่อมองเห็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ เรามีในหลวงที่ทำงานหนัก เรามีต้นแบบเป็นคนขยันเป็นตัวอย่าง และทรงมีความพอเพียง ความขยัน ทรงรักพระมารดา สามสิ่งนี้เป็นการยอมรับที่นำมาใช้ได้อย่างดีและมีค่าที่สุด อยากจะบอกทุกคน หรือลูกหลานที่เกิดไม่ทันพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ถ้ามีเวลาอยากให้ศึกษาพระราชกรณียกิจ และจะรัก ทรงรักประชาชนมากๆ ดูแลทุกคนเสมอภาคกัน ถ้ารู้เรื่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านจะมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ปลื้มปิติอย่างหาที่สุดมิได้ และรักพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเทิดทูนตลอดไป” นางสาวอรญา แซ่โง้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือด้วยความอาลัยว่า “เมื่อได้ทราบข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชสวรรคต ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เศร้าโศกสำหรับคนไทยทั้งชาติ เมื่อรู้ว่าพ่อของแผ่นดินของพวกเราทุกคนได้จากพวกเราไปแล้ว แต่สิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้กับพวกเรามีอย่างมากมายมหาศาล เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานตรากตรำพระวรกายเพื่อพสกนิกรของพระองค์ท่านอย่างไม่มีวันหยุดตลอดระยะเวลา 70 ปี ทรงรักและห่วงใยทุกคนเท่าเทียมกัน พระองค์ท่านเสียสละให้คนไทยและผืนแผ่นดินมามาก ไม่เคยถือพระองค์เข้าถึงประชาชนโดยทรงเดินทางไปทุกสถานที่ต่อให้ลำบากแค่ไหนพระองค์ท่านก็เสด็จพระราชดำเนินนำความเจริญมาสู่พวกเราทุกคน เสียสละให้ชาวไทยมีที่กินที่อยู่ มีอาชีพที่ดี ทุกสิ่งที่ได้รับรู้ได้เห็นทำให้หนูเองรักในหลวง รักที่สุด พระองค์จะอยู่ในดวงใจของพสกนิกรคนนี้ตลอดไป และขอน้อมนำคำสอนของพ่อในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับตนเองและครอบครัว จะทำดีเพื่อพ่อของแผ่นดิน” นายธนาคาร พรสุภา ได้พูดถึงความรู้สึกช่วงเสด็จสวรรคตครบสตมาวารว่า “ในหลวงของพวกเรามีแต่ความรัก ความเมตตา ความห่วงใย กับพสกนิกรไทยอย่างมากมายมหาศาล ตั้งแต่จำความได้สิ่งที่รับรู้และเห็นจากพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ทรงงานหนักตรากตรำเดินทางไปทุกพื้นที่ของประเทศไทย เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวันจากการบอกเล่าของปู่ย่า ตายาย หรือผ่านสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่ให้ผมและชาวไทยทราบซึ้งว่าพระองค์ท่านรักเราและห่วงใยทุกคน ทำให้ประชาชนมีความผูกพัน และรักพ่อของแผ่นดินอย่างหาที่สุดมิได้ จะเกิดชาติใดขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป และขอสืบสานคำสอนของพระองค์ท่านให้ลูกหลานได้รับรู้ตลอดชีวิตของผม จะปฏิบัติหน้าที่ของประชาชนที่ดีคนหนึ่งเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และตอนนี้ประชาชนชาวไทยได้ทำให้พระองค์ท่านทราบแล้วว่า พวกเรารักและผูกพัน สามัคคีเพื่อพ่อของแผ่นดิน ด้วยการร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ผมภาคภูมิใจที่เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” นางโสดา คงสกุล อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการครู กล่าวด้วยความอาลัยว่า “เสียใจอย่างที่สุดเมื่อรู้การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ความรู้สึกตอนนั้น อยากให้พระองค์ท่านกลับมาแข็งแรงให้อยู่กับพวกเรานานแสนนาน ถึงแม้ว่าพ่อของแผ่นดินอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยได้จากไปแล้ว แต่พระองค์ท่านได้มอบสิ่งล้ำค่าและมีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล ด้วยพระราชดำริเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่จาลึกไว้ให้กับคนไทยทุกคนน้อมนำไปใช้เพื่อให้เกิดความสุขของคนทั้งชาติ และพระมหากรุณาธิคุณเหนือคณานับที่ทรงมอบให้กับพสกนิกรไทยและผืนแผ่นดินนี้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นพ่อของประชาชนทั้งประเทศ พระองค์ท่านทรงงานและพัฒนาทุกอย่างให้เจริญรุ่งเรื่องทุกพื้นที่เพื่อปากท้องและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทยมาตลอดชีวิตของพระองค์ท่าน สิ่งที่ดิฉันจะทำได้เป็นครั้งสุดท้ายคือ การมาแสดงความจงภักดีด้วยความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ขอกราบถวายบังคมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย และแม้จะเกษียณแล้วแต่ก็จะขอทำหน้าที่เป็นครูที่ดีต่อไปตามวาระโอกาสสนองพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ได้พระราชทานไว้ให้แก่ผู้ที่ทำหน้าเป็นครูว่า” “......ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือ ต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทน และอดกลั้น สำรวม ระวังความประพฤติปฏิบัติของตน ให้อยู่ในระเบียบ แบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ…...” นายกันติทัต คงสกุล กล่าวว่า ตนเองเกิดมาบนแผ่นดินนี้เป็นความภาคภูมิใจที่ได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงทุ่มเทพระวรกายเสียสละเพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้มีความเป็นอยู่ที่ดีตลอดระยะเวลา 70 ปี ทรงรักและห่วงใยพวกเราเหมือนลูกหลาน มีพระราชราชกรณียกิจต่างๆ ที่นำมาส่งเสริมพัฒนา พร้อมทั้งทรงมอบความเจริญทุกอย่างมาสู่ประชาชน ทุกผืนแผ่นดินนี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งแหล่งน้ำ ทรัพยากรต่าง ๆ การที่ได้เห็นพ่อของแผ่นดินทรงงานจากโทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ เห็น พระองค์ไม่เคยท้อต่ออุปสรรคการทำงาน ตนเองจะขอเดินตามรอยพระยุคลบาทที่จะตั้งใจพยายามมุ่งมั่นให้ตนเองมีความสำเร็จด้านการศึกษา จะทำแต่ความดี และขอสืบสานศิลปวัฒนธรรมการแสดงนาฎศิลปที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับการแสดงโขนและทำให้ดีที่สุด นางสาวชนสรณ์ มะลิเงิน กล่าวว่า วันที่เสด็จสวรรคตพอได้ทราบข่าวพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพวกเราคนไทยไป ตนเองก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่เสียใจอย่างที่สุดและอยากให้มีปาฏิหาน์เกิดขึ้นให้พระองค์ท่านกลับมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพสกนิกรชาวไทยได้พึ่งพิงพระบารมีของพระองค์ท่านตราบนานเท่านาน และได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้รับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ครองใจพสกนิกรชาวไทย และคนทั่วโลก ไม่ว่าพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินที่ใด ที่แห่งนั้นก็จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข และมีความอุดมสมบูรณ์ทุกด้าน ที่ไม่มีน้ำ ไม่มีที่ทำกิน พระองค์ท่านก็สร้างให้ทุกที่ของประเทศไทยมีแหล่งน้ำ มีอาชีพให้กับพวกเราได้ทำกิน มีชีวิตที่พึ่งตนเองได้อย่างมี ความสุข “สำหรับดิฉันถึงแม้จะเป็นเพียงแค่พนักงานลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติหน้าที่ในกลุ่มงานรักษาความสะอาดก็มีความภาคภูมิใจที่ทำหน้าที่คอยดูแลพื้นที่บริเวณโดยรอบของท้องสนามหลวง เพื่อทำให้พื้นที่หน้าบ้านของพ่อที่รักยิ่ง มีความสะอาดให้ประชาชนที่เข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้รับความสะดวกสบาย เพียงเท่านี้ก็มีความปลื้มปิติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งทำเพื่อพ่อของแผ่นดิน คำสอนของพ่อเปรียบเสมือนแสงสว่างที่นำทางให้ดิฉันและครอบครัวได้นำมาใช้โดยเฉพาะการที่ให้บุตรได้ศึกษาคำสอนของพ่อ เพื่อเป็นการนำทางให้รู้จักสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ เพราะบ้างครั้งบ้างคำพูดไม่สามารถที่จะสอนหรือพูดให้เขาเชื่อฟังได้เสมอไป การที่ให้เขาได้เรียนรู้อ่านจากตำราที่เป็นคำสอนของพ่อด้วยตัวเขาเอง ก็คิดว่าเป็นแนวทางที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อบุตรทำให้รู้จักการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ดีขึ้น ปฏิบัติตนเองด้วยความดีงามก็จะเกิดประโยชน์สุขต่อตัวเองเสมอไป สิ่งที่ตนเองจะทำได้ก็คือ การนำแนวทางพระราชดำริต่างๆ ของพระองค์ท่านมาปรับใช้กับตนเองและสอนลูก เลี้ยงดูให้เป็นคนดีของสังคมต่อไป” นางสาวชนสรณ์ กล่าว นางสาวสุภาวดี ทองโชติ (ครู) กล่าวว่า เป็นบุญอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้เกิดมาอยู่ใต้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทย และคนทั่วโลก ทรงตรากตรำทำงานและเสด็จพระราชดำเนินทุกพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อดูแลประชาชนของพระองค์ท่านให้คลายทุกข์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้อาชีพที่ทำกินกับพวกเราจนมีความผาสุกถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยพระวิริยะอุตสาหะและพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านที่พัฒนาแผ่นดินนี้ให้อุดมสมบูรณ์ทุกหนทุกแห่ง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ทรงเป็นเทวดาเดินดินของพวกเราชาวไทย ทรงปัดเป่าความทุกข์ยาก ทรงโอบอุ้มความสุขให้พสกนิกรชาวไทยตลอดพระชนมชีพของพระองค์ท่าน จะตอบแทนพระคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ โดยขอยึดหลักคำสอนของพ่อและนำไปปรับใช้ให้กับตนเอง และจะนำแนวทางปรัชญาที่พระองค์ท่านทรงพระราชดำริไปสอนลูกศิษย์ให้รู้คุณค่าและนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป” นางนิษฐสินี ศิลาลอย (เกษตรกร) กล่าวว่า สะเทือนใจที่สุด เสียใจมากที่สุด เป็นคำพูดไม่ได้เลยว่ามากขนาดไหนวันที่รู้ว่าต้องสูญเสียพ่อของแผ่นดินไป ขาดร่มโพธิ์ร่มไทรที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุข ตั้งแต่จำ ความได้เห็นพระราชกรณียกิจ ที่ถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆ มากมายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เห็นพระองค์ท่านทางโทรทัศน์ทุกครั้งน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความปลื้มปิติที่มีพระมหากษัตริย์ที่ห่วงใยทุกเรื่องของพสกนิกรตลอดระยะเวลา 70 ปี ทรงทำงานอยู่ตลอดเวลาดูแลพวกเราเสมอมา พระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างที่คิดค้นออกมาแล้วเป็นจริงทุกอย่าง ที่ไม่มีน้ำ พระองค์ท่านก็สามารถสร้างให้ที่แห่งนั้นมีแหล่งน้ำเพื่อพวกเรามีไว้อุปโภคบริโภค มีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาด้านเกษตรกรรมมากมายให้พวกเรานำไปใช้เพื่อปรับปรุงพื้นที่ทำกินของประชาชนทั่วทุกพื้นที่ “สำหรับดิฉันสิ่งที่ยังจดจำและพึงปฏิบัตินั้นคือ คำสอนของพ่อ ที่ยึดหลักนำมาใช้สอนลูกในเรื่องของการทำงาน จะบอกลูกเสมอว่า ถึงแม้จะทำงานไม่ถึงที่พระองค์ท่านทำมาตลอดชีวิต แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลูกทำได้คือ ความอดทน และมีใจรักต่องานที่ทำ รู้จักเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เท่านี้ก็จะทำให้ลูกมีความสุขแล้ว ดิฉันเป็นอีกหนึ่งดวงใจที่ขอจงรักภักดีและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชตลอดไป” รายงาน/ฤทัยรัตน์ เมืองกฤษณะ