วันที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย นำความโศกเศร้าอาดูรมาสู่คนไทยทั้งประเทศจนวันนี้เสด็จสู่สวรรคาลัยครบ 100 วันแล้ว ความอาลัยอาดูรยังไม่จางหายไปจากหัวใจคนไทยทั้งประเทศยังคงน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระผู้ทรงพัฒนาและทรงทุ่มเทอย่างหนักในการทรงงานเพื่อนำความผาสุกมาสู่พสกนิกรคนไทยอย่างไม่เคยทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริอันเป็นรากฐานสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ทรงเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจที่ดีอย่างหาที่สุดมิได้ให้กับประชาชนทุกคนมีความภาคภูมิใจ มีความสุข ร่มเย็นเมื่ออยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน นายสมพงษ์ ปถมสกุล อายุ 73 ปี กล่าวว่า รักพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างที่สุดไม่รู้จะหาคำใดมาเปรียบได้ เห็นพระองค์ท่าน ทรงทำงานอย่างหนัก ตรากตรำพระวรกายเพื่อพสกนิกรชาวไทยมีที่อยู่ มีอาหาร มีอาชีพ จนถึงวันนี้ที่ชาวไร่ชาวนาอย่างพวกเรามีที่ทำกินอุดมสมบูรณ์ก็ด้วยพระราชหฤทัยห่วยใยและพระมหากรุณาธิคุณ ทรงนำความร่มเย็นเป็นสุขสู่พวกเราเสมอมา “ผมก็ขอนำหลักการในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พ่อของแผ่นดิน ทรงทำเป็นแบบอย่างให้พวกเราได้เห็น ได้ศึกษา ขอนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเอง และให้กับครอบครัว รักท่านรักในหลวงเราเห็นท่านทำงานอย่างหนัก ตรากตรำ ทุกคนเห็นท่านลำบาก เดินรอยตามท่านแบบเศรษฐกิจพอเพียงอดทนทำแบบที่ท่านทำทุกอย่าง ปลูกทุกอย่างที่เราทานตามที่พระองค์ท่านพระราชดำริไว้ เหลือก็นำไปขายให้มีรายได้เข้ามาในครอบครัว รักพระองค์ที่สุด ทรงเป็นพ่อของแผ่นดินที่ดีที่สุดในโลกนี้ ทรงสอนเรารู้จักรักสามัคคี สอนเราเหมือนลูก ลูกจะดำเนินรอยตามที่คำพ่อสอนเพื่อให้มีความสุข” นายหิรัญ เสือศรีเสริม อายุ 58 ปี อาชีพ ครูสอนทำบาตรพระ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศฯ กล่าวว่า ตนเองเป็นประธานชุมชนบ้านบาตร การทำงานด้านจิตอาสาจะคอยประสานงานและช่วยเหลือเรื่องอาหาร น้ำ มาแจกจ่ายให้กับประชาชน และจิตอาสาที่ขับรถมอเตอร์ไซต์รับส่งให้ประชาชน ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ทราบข่าวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ตนเองเหมือนขาดอะไรไปอีกอย่างในชีวิต รู้สึกเศร้าใจ หดหู่ใจ อย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟัง หลังจากนั้นจึงได้คิดว่า เราต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อพ่อของแผ่นดินของคนไทย จึงได้ประกาศเชิญชวนเพื่อนบ้าน พี่น้อง เพื่อนที่รู้จัก รวมตัวกันมาช่วยเหลือกันเป็นจิตอาสา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จิตอาสาทุกคนพร้อมใจกันมาและพร้อมที่ทำด้วยความจงรักภักดีและทำด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ท่านอย่างที่สุด พวกเราจะทำจิตอาสาแบบนี้ไปตลอด จะไม่ย่อท้อ ทำให้ดีที่สุดเพื่อพ่อของพวกเราชาวไทย ทุกคน “สิ่งสุดท้ายผมอยากบอกว่า ตัวของผมจะขอเป็นครูที่ดี อย่างนี้ตลอดไป จะให้ความรู้ที่ผมมีในเรื่องการทำบาตรพระ จะสอนลูกหลานให้รู้จักการทำอาชีพด้านนี้ และสอนให้พวกเขาทุกคนรู้จักและรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงสร้างให้พสกนิกรชาวไทยให้มีที่อยู่ ที่ทำกิน และให้ประเทศมีแต่ความสุข ผมเชื่อว่า ทุกคนได้เห็นภาพพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปสถานที่ใด ที่แห่งนั้นและพื้นที่ทุกหนแห่งมีแต่ความสุข ร่มเย็นตลอดมา พระองค์ท่าน ทรงใกล้ชิดและห่วงใยประชาชนอย่างเท่าเทียบกัน ผมขอรักและเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตลอดชีวิตของผม” นายหิรัญ กล่าว นายหรรษา บุญฮ้าว อายุ 51 ปี อาชีพช่างเชื่อม และรับจ้างทั่วไป กล่าวว่า “ผมรู้สึกมีความสุขมากครับที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของจิตอาสาด้วยตั้งใจทำดีเพื่อพ่อ ผมคิดเสมอว่าอย่างน้อยตนเองขอทำอะไรเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ถึงแม้จะไม่ได้มากมายอะไร ผมภูมิใจที่ได้ทำ เพราะสำหรับผมเองไม่ได้มีเงินทองที่จะช่วยเหลืออะไรมากมาย ขอใช้กายและจิตใจทำความดีเพื่อพ่อของแผ่นดิน และขอน้อมนำความพยายาม การทำงานที่พระองค์ท่าน ทรงเป็นแบบอย่างให้พสกนิกรไทย ขอนำมาใช้เพื่อเกิดประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว ผมเชื่อว่า คนไทยทุกคนรักพระองค์ท่านมากที่สุด ทรงสร้างประเทศไทยด้วยพระหัสต์ ด้วยพระราชหฤทัย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีให้กับพวกเรา ผมจะจงรักภักดีและขออยู่ใต้ร่มพระบารมีของพ่อหลวงของเราตลอดไป” นางบุษบง พระชนะ อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง มาเป็นจิตอาสาในสนามหลวง กับหลานน้องไปท์กับน้องแบม อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 กล่าวว่า “วันนี้ได้มาเป็นจิตอาสาช่วยเหลือแยกขยะ แจกร่ม มาเป็นครั้งแรกอยากจะทำอะไรสะอย่างเพื่อพ่อหลวงของเรา ถึงตอนนี้ครบร้อยวันแล้วที่พระองค์ท่าน เสด็จสู่สวรรคาลัย ดิฉันก็ยังคิดถึงและเสียใจอยู่เสมอเมื่อได้เห็นภาพและเรื่องราวพระราชกรณียกิจทางโทรทัศน์ อยากให้พระองค์ท่านอยู่กับพวกเราไปนานๆ ทรงทำงานเพื่อให้พวกเราทุกคนมีกิน มีใช้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ซึ่งการที่ได้มาเป็นจิตอาสาในครั้งนี้ถึงแม้เป็นการทำความดีเพียงเล็กน้อยไม่มากมาย แต่เท่านี้ทำให้รู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ทำเพื่อพ่อของเรา ทำด้วยใจรักและความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นการทำความดีตามที่พ่อสอนมาตลอด จะขอรักและเทิดทูนตลอดไป” ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชประชาชนคนไทยมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รู้จักการพึ่งพาตนเอง มีอาชีพ มีที่ทำกิน อย่างพอมี พอกิน พอเพียง ต่อการดำเนินชีวิต ก็ด้วย ความรัก ความห่วงใยและพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงสร้างก่อให้เกิดผลิตผลทุกด้านให้พสกนิกรของพระองค์ท่านพ้นจากความอดอยากขาดแคลน เชื่อว่าคนไทยทุกคนได้นึกถึงและตระหนักว่า สิ่งที่จะทำให้ก่อให้เกิดความจงรักภักดีและเป็นการถวายความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ที่คนไทยเทิดทูนอย่างหาที่สุดมิได้ คือ การเรียนรู้จากพระราชดำริหลักการทรงงานในพระองค์ท่านจากแนวพระราชดำรัสต่างๆ น้อมนำมาปรับใช้ให้เกิดผลต่อการดำเนินชีวิตต่อความสุขสงบของสังคม พร้อมนำความรู้ที่ตนเองได้รับไปช่วยเหลือผู้อื่นเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ตนเองรู้จักคุณค่าและความหมายที่พ่อของแผ่นดินได้พระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทย ฤทัยรัตน์ เมืองกฤษณะ/รายงาน