เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 31 ม.ค. 60 พ.อ.อัศม์พงษ์ นิลพันธุ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 กองกำลังผาเมือง สนธิกำลังร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดน่าน นำโดย พล.ต.ต.มณฑป แสงจำนง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และนายภูเบศ พุฒิรัตนาพร นายอำเภอทุ่งช้าง นำกำลัง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมกว่า 120 นาย เข้าบุกทำลายไร่ฝิ่น ที่ลักลอบปลูกในหุบเขากลางป่ามณีพฤกษ์ หมู่ที่ 11 ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน โดยมีการปลูกสลับกับการปลูกต้นผักกาดเพื่อปิดบังอำพราง โดยชุดลาดตระเวนของกรมทหารพรานที่ 32 กองกำลังผาเมือง ได้เดินเท้าเพื่อตรวจพิสูจน์ จนพบว่าพื้นที่แปลงดังกล่าวมีการลักลอบปลูกฝิ่น ซึ่งมีอายุประมาณ 3 เดือน ต้นฝิ่นมีความสมบูรณ์ สูง 80-100 เซนติเมตร ความหนาแน่นของต้นฝิ่นอยู่ที่ร้อยละ 80 ของพื้นที่ปลูก 3 งาน โดยมีร่องรอยของการกรีดน้ำฝิ่นดิบไปแล้วบางส่วน ขณะที่อีกชุดปฏิบัติการได้เข้าบุกทำลายไร่ฝิ่นที่บ้านปางแก หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งช้าง อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน อยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ 10 กิโลเมตร มีการลักลอบปลูกฝิ่นอีกหนึ่งแปลง เนื้อที่ประมาณ 1 งาน โดยต้นฝิ่นมีอายุประมาณ 2 เดือน ความสูงของต้นฝิ่นอยู่ที่ 50-60 เซนติเมตร ความหนาแน่นร้อยละ 25 ของพื้นที่ปลูก ซึ่งกำลังออกดอกฝิ่นขนาดเล็ก และกำลังรอการกรีดน้ำฝิ่นดิบ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำลายถอนต้นฝิ่นและเผาทิ้ง พร้อมทั้งติดป้ายประกาศการตรวจยึดพื้นที่เพือการตรวจสอบ พ.อ.อัศม์พงษ์ นิลพันธุ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 กองกำลังผาเมือง เปิดเผยว่า การลักลอบปลูกฝิ่นในพื้นที่บ้านมณีพฤกษ์และบ้านปางแก คาดว่าจะเป็นชนเผ่าที่ลักลอบปลูกเนื่องจากชนเผ่านิยมใช้น้ำฝิ่นดิบในการรักษาโรคและอาการปวดต่างๆตามความเชื่อและวัฒนธรรมของชนเผ่า รวมทั้งอาจเป็นการปลูกเพื่อเป็นยาเสพติด ทั้งเพื่อเสพและขาย โดยจะลักลอบปลูกตามหุบเขาและมีการปลูกปะปนกับพืชตัวอื่นเพื่ออำพราง โดยชุดลาดตระเวนของทหารพราน 32 กองกำลังผาเมืองต้องเดินเท้าเพื่อสืบทราบพิกัดและสนธิกำลังเพื่อตัดทำลายตามนโยบายด้านยาเสพติดและความมั่นคง โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสอบสวนขยายผลหาตัวเจ้าของไร่ฝิ่นที่แท้จริง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับเข้าสำรวจตรวจเข้มตามพื้นที่เป้าหมายอื่นๆ เพื่อกดดันไม่ให้มีการลักลอบปลูกฝิ่น เป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่นต่อไป