เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่กรมศุลกากร แขวงและเขตคลองเตย กทม. นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงผลการตรวจยึดเกล็ดลิ่นลักลอบจากทวีปแอฟริกา จำนวน 2.9 ตัน มูลค่าประมาณ 29 ล้านบาท
นายกุลิศ กล่าวว่า การตรวจยึดครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นและอายัดสินค้าสินค้าสำแดงชนิดสินค้าเป็นเกล็ดจากเที่ยวบินที่ TK064 จำนวน 34 หีบห่อ น้ำหนัก 1,700 กิโลกรัม ขนส่งจากเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ผ่านประเทศตุรกี ไทย ปลายทางเวียงจันทร์ สปป.ลาว จากการตรวจสอบโดยใช้เครื่องเอ็กซเรย์พบเกล็ดลิ่น น้ำหนัก 1,700 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.59 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเที่ยวบินที่ TK064 พบสินค้าสำแดงชนิดสินค้าเป็นเกล็ดลิ่นจำนวน 24 หีบห่อ น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม ซึ่งจากตรวจยึดอายัดได้เกล็ดลิ่นน้ำหนักรวม 2.9 ตัน
"จากการตรวจสอบตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ทางกรมศุลกากรได้ตรวจยึดเกล็ดลิ่นจากทวีปแอฟริกามาแล้วจำนวน 9 คดีน้ำหนักของกลางรวม 3.4 ตัน มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้มีต้นทางมาจากประเทศไนจีเรียผ่านประเทศตุรกี ประเทศไทย เพื่อไปยังปลายทาง สปป.ลาว สำหรับเกล็ดลิ่นนั้นผู้เชื่อบางกลุ่มจะนำส่วนของเกล็ดตัวลิ่นไปประกอบเป็นยาบำรุงรักษาโรคหรือยาจีน ส่วนมูลค่าปลายทางของเกล็ดลิ่นนั้นตกอยู่กิโลกรัมละ 40,000 บาท มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้จากของกลางทั้งหมดที่สามารถตรวจยึดอายัดได้ในวันนี้จำนวน 2.9 ตัน จะต้องใช้ตัวลิ่นจำนวนประมาณ 6,000 ตัว หลังจากนี้จะนำของกลางทั้งหมดส่งตรวจสอบต่อยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและส่งยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นความผิดฐานนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต,นำผ่านสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่าหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บก.ปทส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป" อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว
ด้านนายธัญญา เปิดเผยว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานจะรับเกล็ดลิ่นของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบว่าเกล็ดจำนวนดังกล่าวมาจากตัวลิ่นชนิดใด หากเป็นตัวลิ่นจากประเทศไทยจะมีประเภทชนิดลิ่นจีน ลิ่นชวา หรือลิ่นมอญ ซึ่งถูกจัดอยู่ในประเภทสัตว์ป่าลำดับที่ 157 หลังจากการตรวจสอบและพบว่าเป็นชนิดดังกล่าวก็จะทำการแจ้งข้อหาอายัดเพิ่มเติมต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า หลักจากนี้จะมีการประสานหารือร่วมกับทางกรมศุลกากรและกรมอุทยานป่าไม้เพื่อตรวจสอบหาเส้นทางการลักลอบนำเข้าและส่งออกไปยังประเทศที่สามเพื่อใช้ทำเป็นยาบำรุงรักษาโรค อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะติดตามกลุ่มผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามความผิดฐาน พ.ร.บ.ฟอกเงิน ต่อไป.
"จากการตรวจสอบตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ทางกรมศุลกากรได้ตรวจยึดเกล็ดลิ่นจากทวีปแอฟริกามาแล้วจำนวน 9 คดีน้ำหนักของกลางรวม 3.4 ตัน มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้มีต้นทางมาจากประเทศไนจีเรียผ่านประเทศตุรกี ประเทศไทย เพื่อไปยังปลายทาง สปป.ลาว สำหรับเกล็ดลิ่นนั้นผู้เชื่อบางกลุ่มจะนำส่วนของเกล็ดตัวลิ่นไปประกอบเป็นยาบำรุงรักษาโรคหรือยาจีน ส่วนมูลค่าปลายทางของเกล็ดลิ่นนั้นตกอยู่กิโลกรัมละ 40,000 บาท มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้จากของกลางทั้งหมดที่สามารถตรวจยึดอายัดได้ในวันนี้จำนวน 2.9 ตัน จะต้องใช้ตัวลิ่นจำนวนประมาณ 6,000 ตัว หลังจากนี้จะนำของกลางทั้งหมดส่งตรวจสอบต่อยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและส่งยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นความผิดฐานนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต,นำผ่านสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่าหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บก.ปทส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป" อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว
ด้านนายธัญญา เปิดเผยว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานจะรับเกล็ดลิ่นของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบว่าเกล็ดจำนวนดังกล่าวมาจากตัวลิ่นชนิดใด หากเป็นตัวลิ่นจากประเทศไทยจะมีประเภทชนิดลิ่นจีน ลิ่นชวา หรือลิ่นมอญ ซึ่งถูกจัดอยู่ในประเภทสัตว์ป่าลำดับที่ 157 หลังจากการตรวจสอบและพบว่าเป็นชนิดดังกล่าวก็จะทำการแจ้งข้อหาอายัดเพิ่มเติมต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า หลักจากนี้จะมีการประสานหารือร่วมกับทางกรมศุลกากรและกรมอุทยานป่าไม้เพื่อตรวจสอบหาเส้นทางการลักลอบนำเข้าและส่งออกไปยังประเทศที่สามเพื่อใช้ทำเป็นยาบำรุงรักษาโรค อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะติดตามกลุ่มผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามความผิดฐาน พ.ร.บ.ฟอกเงิน ต่อไป.