เกือบ 10 ปี แล้วที่มาสด้า มอเตอร์คอร์ปอเรชั่นเข้ามาลุยตลาดเมืองไทยด้วยตัวเอง ปัจจุบันก็ถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นสวนทางตลาดที่ลดลงไปเล็กน้อย ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวนอกจากญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตที่ครบวงจร ตั้งแต่เครื่องยนต์ เกียร์ และตัวถัง ที่มาสด้ายอมทุ่มหนักเพราะไทยเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของประเทศไทยที่ขายมาสด้าได้เยอะเมื่อรวมกันทั่วโลก การปรับเปลี่ยนที่ทำให้คนไทยยอมรับมาสด้าเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทันสมัย เริ่มจากการแนะนำมาสด้า ซีเอ็กซ์ -5 ในปี 2556 ผนวกกับการออกแบบโคโดะ ดีไซน์ ที่ส่งต่อไปยังมาสด้ารุ่นหลังๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายของมาสด้าโตกว่า 24 เปอร์เซ็นต์ ใน 3 ปีที่ผ่านมา เส้นสายภายนอกเปลี่ยนไป มาสด้า 3 ก็เป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและโคโดะ ดีไซน์ เปิดตัวไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว การเปิดตัวมาสด้า 3 ที่มีการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเส้นสายภายนอก พร้อมกับการยกระดับไปอีกขึ้นกับ สกายแอคทีฟ-วีฮีเคิล ไดนามิก เพื่อให้ได้รถยนต์ ที่มีความสะดวกสบายในการขับขี่มากขึ้น จะได้เทคโนโลยีล่าสุด “ จี- เวคเตอริ่ง คอนโทรล ” ที่ช่วยให้มาสด้า 3 มีความสนุกสนานในการขับขี่แบบจินบะ – อิตไต ไปอีกนาน เปลี่ยนลายล้อแม็กซ์ เป็นการปรับเปลี่ยนเรื่อยมา สำหรับ มาสด้า 3 ที่เริ่มเปิดตัวในเมืองไทย จากโรงงาน ออโตอัลลาย แอนซ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2547 รถรุ่นนี้ มียอดขายในเมืองไทยสูงกว่า 30,000 คัน รุ่นที่ 2 เริ่มประกอบในปี 2554 ขายกันแค่ 2 ปีกว่าๆ ด้วยยอดขายกว่า 15,000 คัน ก่อนจะเปลี่ยนโฉมใหม่ ในเดือน มีนาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยหน้าตาและเทคโนโลยีที่ใส่ไว้ สามารถทำยอดขายได้กว่า 20,000 คัน ในเวลา แค่ 2 ปีกว่า ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางได้ 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2558 เป็นส่วนแบ่งที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมาสด้าไทย หลังพวงมาลัยเป็นจอสี รวม 3 เจนเนอเรชั่น ยอดขายของมาสด้า 3 ในเมืองไทย มีมากถึง 62,477 คัน จึงเป็นรถยนต์รุ่นหลักในสายการผลิตของมาสด้า ซึ่งส่งผลถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ มาสด้า ได้เป็นอย่างดี ด้วยยอดขาย 1 ใน 3 ของมาสด้าทั่วโลก ใน 142 ประเทศ ที่มีเกือบๆ 5 ล้านคัน การปรับเปลี่ยนของมาสด้า 3 มีการเพิ่มรุ่นย่อยของตัวถัง 4 ประตู ซีดาน มาอีก 1 รุ่น คือ 2.0 เอสพี ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการใส่อุปกรณ์มาตรฐานเทียบเท่ากับรุ่น 5 ประตู เอสพี สปอร์ต อันเป็นรุ่นท็อปสุด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า รูปโฉมภายนอกหากดูผ่านๆจะไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก แต่เจาะลึกลงไปก็จะมีการขยับเส้นสายของตัวถังให้มีความลงตัวมากขึ้น พร้อมกับเพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ด้วยกระจังหน้า กันชนหน้า ไฟตัดหมอก คอนโซลกลางเบาะเปลี่ยน ไฟหน้าจะเป็นแบบแอลอีดี โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน ที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ รวมถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบแอลอีดี ล้อ 18 นิ้วลายใหม่ในรุ่น 5 ประตู ภายในถูกตกแต่งใหม่ เพิ่มความเป็นสปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยการเลือกใช้ห้องโดยสาร เป็นสีทูนโทน เบาะหนังสีน้ำตาล-ดำ แผงประตูเพิ่มวัสดุ สีเงิน สีดำเปียนโน แบล็กหากสังเกตให้ดี แผงคอนโซลกลางเบาะในรุ่นที่แล้วถูกถอดออก เปลี่ยนใหม่ได้ความต่อเนื่องของเส้นสายที่มาจากคอนโซลกลางดูเหมือนกับที่ใช้อยู่ในรถหรู เบาะหนังล้วน สำหรับจอแอคทีฟ ไดรวิ่ง ดิสเพลย์ จะเป็นแบบสีเพื่อให้แสดงข้อมูลชัดเจน ส่วนจอกลางจะเป็นแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่ใช้งานง่ายขึ้นและเพิ่มระบบเบรกมือไฟฟ้าเข้าไป ในมาสด้า 3 รุ่น ท็อปจะได้พบกับเทคโนโลยี ต่างๆ มากมายที่เพิ่มเข้าไป รถรุ่นนี้จะได้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ – วีฮิเคิล ไดนามิกส์ ซึ่งเป้นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ถูกใส่ไว้ใน มาสด้า 3 ใหม่ เป็นรุ่นแรก ซึ่งเทคโนโลยีนี้ จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ ที่เร้าใจ พื้นที่เก็บของเท่าเดิม เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกับรถ จึงมีระบบ จี -เวค เตอริ่ง คอนโทรล มาให้ เป็นระบบควบคุมสมรรถนะในการขับขี่อัจฉริยะ ซึ่งยังคงความเป็นสปอร์ตเอาไว้ล้ำสมัยที่สุดในคลาสจากการเพิ่มฟังชั่นก์ความปลอดภัยใหม่ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า SBS (Smart Brake Support) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ LAS (Lane-Keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ในส่วนความปลอดภัยเชิงปกป้องเมื่อเกิดเหตุ ด้วยระบบ ESS (EMERGENCY SIGNAL SYSTEM) สัญญาณไฟกระพริบเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกรถอย่างกระทันในภาวะฉุกเฉิน เพื่อส่งสัญญาณเตือนรถคันหลังให้ลดความเร็วลง และเมื่อผู้ขับขี่เอาเท้าออกจากแป้นเบรก สัญญาณไฟเตือนฉุกเฉินจะดับลงโดยอัตโนมัติ หากผู้ขับขี่เหยียบเบรกอย่างกะทันหันจนกระทั่งรถหยุดนิ่ง สัญญาณไฟเตือนฉุกเฉินจะยังคงกระพริบเตือนรถคันหลังให้ระวัง และลดความเร็ว เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัว นอกจากนี้ยังมี ABS ทั้ง 4 ล้อ พร้อม EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ, HLA (Hill Launch Assist) ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System) ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล จากองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งสิ้น สัมผัสได้ถึงการให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ร่วมจราจรบนท้องถนน ที่มาสด้าพยายามคิดค้น และเติมเต็มความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากที่สุดด้วยเทคโนโลยีจากมาสด้า คอลัมน์ ยุทธจักรยานยนต์ : อภิชัย ไกรนุกูล