ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected] อุจฉรา รักษ์พันธุ์ – วริสร รักษ์พันธุ์ น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สังคม (จบ) “อย่าทิ้งเรื่องการปลูกข้าว จะได้มีข้าวกิน หากว่าเกิดมีเหตุอะไรขึ้นมาจะได้ไม่ต้องไปซื้อข้าวจากที่อื่น” คุณอัจฉรา และคุณวริสร รักษ์พันธุ์ สองแม่ลูกผู้บริหารชุมพร คาบาน่า รีสอร์ต ผู้สานต่อพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเรื่องทำนาข้าวและเกษตรกรรมเพื่อคืนกำไรและรับผิดชอบต่อสังคม สร้างเกศรษฐกิจพวกเรา เครือข่ายชีวิตดีเพื่อคนชุมพร “จุดเริ่มต้นของเรานั้นมาจากวันที่แม่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านที่วังไกลกังวล เนื่องจากเป็นตัวแทนของภาคเอกชน เดินทางไปกับคณะข้าราชการ นำเสาหลักเมืองหลักใหม่ไปถวายพระองค์ให้ท่านเจิม เมื่อถึงจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นจังหวัดลำดับสุดท้ายในวันนั้น พระองค์ท่านได้มีรับสั่งกับทางคณะที่เข้าเฝ้าฯ ว่า อย่างทิ้งเรื่องการปลูกข้าว” หลังจากวันที่เข้าเฝ้าฯ วันนั้นคุณอัจฉราและคุณวริสร ลูกชายจึงได้เริ่มศึกษาขั้นตอนและเริ่มดำเนินการปลูกข้าวเหลืองปะทิว พันธุ์ข้าวท้องถิ่นของจังหวัดชุมพร “ตอนนั้นที่แม่กลับมาเล่าให้ฟัง ผมก็มีความคิดว่าสิ่งที่พระองค์ท่านหวงก็ไม่ควรจะหายไป ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่ท่านได้ฝากไว้ในวันที่ทรงเจิมหลักเมืองด้วยก็คือเรื่องข้าว ผมเลยคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่สำคัญที่อยู่ในความรู้สึกของพระองค์ท่าน เป็นเรื่องหลักอย้างหนึ่งที่สำคัญของเมืองชุมพรที่เราต้องสานต่อความตั้งใจของพระองค์ให้สำเร็จ “หลังจากศึกษาเรื่องข้าวมาสักระยะก็เริ่มลงมือทำ ประมาณปี 2542-2543 เริ่มทำนารีสอร์ตก่อน เพราะตอนนั้นยังเป็นที่ดลาง ทำในจำนวนไม่เยอะในระบบอินทรีย์ 100 % ก่อนจะขยับขยายไปขอใช้พื้นที่ของเพื่อนข้างนอก ในตอนนั้นเราก็ได้ไปเชิญกรมการข้าวมาและบอกเขาว่า อยากจะฟื้นฟูเรื่องข้าวเหลืองปะทิวของจัหงวัดชุมพร เพราะว่าเป็นพันธุ์ข้าวของที่นี่ ซึ่งตอนนี้ที่นี่ไม่มีแล้ว อีกอย่างชาวบ้านที่นี่บางคนก็ยังปลูกกันอยู่บ้าง ทางเราจึงเข้าไปส่งเสริมให้ปลูกข้าว และช่วยกันฟื้นฟูพันธุ์ข้าวเหลืองปะทิว” วริสร รักษ์พันธุ์ กล่าว วริสร กล่าวว่า จากการทำนาข้าวในพื้นที่รีสอร์ตในวันนั้นสู่เครือข่ายเศรษฐกิจพวกเรา ทุกอย่างที่นำมาใช้ในโรงแรมมาจากผลผลิตในรีสอร์ต และจากเครือข่ายเศรษฐกิจพวกเรา เครื่อข่ายที่ทุกคนมีส่วนรวมกัน “สาเหตุจริง ๆ ที่พระองค์ท่านไม่ให้ทิ้งเรื่องข้าวก็เพราะ 1.หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราจะมีข้าวกิน 2.เรื่องของความพอเพียง ความเอื้อเฟื้อกัน ผมมองว่ามันเป็นเรื่องทางสังคมที่พระองค์ท่านทรงห่วงเพื่อให้มีกิจกรรมที่สามารถเชื่อมโยงชาวบ้านเข้าด้วยกัน โดยการปลูกข้าวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาลงแรงกัน มาช่วยกัน ซึ่งผมมองเห็นตรงจุดนี้” วริสร กล่าวและว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อพสกนิกรชาวไทยสร้างพื้นฐานการใช้ชีวิตไปสู่สังคมที่ดีมีสุข สมบูรณ์ ศรีสุบัติ เดินตามรอยเท้าพ่อยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง คุณสมบูรณ์ ศรีสมบัติ หรือลุงนิล เจ้าของสวนลุงนิล หรือศูนย์กสิกรรมธรรมชาติพืชคอนโด 9 ชั้น ผู้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาปรับใช้จนนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ลุงนิลเป็นผู้ริเริ่มการทำสวนแบบพืชคอนโด 9 ชั้น ถือได้ว่าเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริที่ประสบผลสำเร็จ และเป็นผู้ถ่ายทอดหลักความพอเพียงให้แก่บุคคลทั่วไปอย่างเต็มภาคภูมิ ลุงนิลเล่าว่า ก่อนที่จะก้าวเข้ามาเป็นคนพอเพียงอย่างทุกวันนี้เคยประสบปัญหามากมายถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว ย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ด้วยความอยากรวย เราก็ได้มาทำสวนทะเรียนแปลงนี้ที่จังหวัดชุมพร โดยเซ้งกิจการร้านอาหารจากหัวหินทั้งหมด 9 ร้านเพื่อมาลงทุนทำสวนทะเรียน แต่ในที่สุดแล้วก้หมดตัว เป็นเพราะไม่มีความรู้ในด้านในด้านการทำสวนจึงทุ่มเทลงไปอย่างเต็มที่ แต่แล้วก็ไม่มประสบผลสำเร็จ ซึ่งผลที่ตามมาคือเป็นหนี้นอกระบบกว่า 3 ล้านบาท สุดท้ายเจ้าหนี้ก็ตามมาทวง วันนั้นรู้สึกเสียใจมากก็คว้าปืนออกมาจะยิงเข้าที่หัวตัวเอง เดชะบุญที่ลูกชายเดินออกมาพอดีก็ตายไม่ลง และเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นวันที่ 4 ธันวาคม 2540 ลุงนิลบังเอิญเปิดโทรทัศน์แล้วได้ฟังพระราชดำรัสเรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรทฤษำใหม่ ซึ่งโดนใจลุงนิลพอดี จึงนั่งฟังพระองค์ท่านตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเหมือนแสงไฟส่องลงมาที่ตัว พอฟังจบก็ยกมือไว้เหนือหัวแล้วก็พูดออกมาว่า ต่อจากนี้ลูกจะเดินตามรอยเท้าพ่อ หลังจากวันนั้นลุงนิลก็ได้ตัดสินใจยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงฯ โดยเริ่มต้นจากการที่พาตัวเองไปเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง “เริ่มแรกลุงนิลไปเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่โรงเรมชุมพร คาบาน่าต่อจากนั้นคุณวริสร เจ้าของโรงแรม พาไปเรียนต่อกับ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรืออาจารย์ยักษ์ ที่จังหวัดชลบุรี เราได้อะไรกลับมามากมาย กลับมาทำอย่างไม่ลังเล ชีวิตเราเริ่มเปลี่ยนและเริ่มทยอยปลดหนี้ไรื่อย ๆ 7 ปี ปลดหนี้ได้ 3 ล้านกว่าได้หมด” ลุงนิลเล่าต่อว่า เริ่มทำเกษตรโดยปลูกทุกอย่างที่ชอบกิน ปลูกไรื่อยก็เยอะขึ้น จากทุเรียนอย่างดียวจนตอนนี้กลายเป็นป่าไปแล้ว ถ้าให้จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆ จึงทำเป็นแบบพืชคอนโด 9 ชั้น ทำให้ลุงนิลมีรายได้แบบรายวัน รายอาทิตย์ รายเดือน และรายปี ซึ่งเป็นที่มาของพืชคอนโด 9 ชั้นที่ทำให้ลุงนิลประสบความสำเร็จในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักคำสอน “ตอนนี้มีความสุขกายสบายใจ จากวันนั้นที่น่ากลัวที่สุด มาจนวันนี้ทำให้เราค้นหาตัวเองเจอ ไม่เป็นหนี้ และมีของกินพอกินบ้านเราพออยู่พอใช้ ถ้าถามว่าชีวิตเรามันพอแล้วหรือยัง ผมคิดว่า ผมค้นหาตัวเองเจอก็เลยขอยืนขึ้นอีกครั้งและเปิดตัวเอง บอกกล่าวตามประสาลุงนิลว่า เป็นหนี้อย่าคิดฆ่าตัวตายเหมือนเรานะชีวิตมีค่า ทำเรื่องยากๆ ให้ง่าย แล้วเราหลุดหนี้มาได้จริงๆ จึงขอยืนขึ้นมาเป็นต้นแบบ และเปิดเป็นสูนย์เรียนรู้ให้แก่บุคคลทั่วไปซึ่งฐานการเรียนรู้ที่เราทำอยู่ และที่ประสบผลสำเร้จได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระราขดำรัสของพระองค์ท่าน ในวันนั้น” ลุงนิลบอกทิ้งท้ายเริ่มต้นจากการพออยู่พอกินสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจากศาสตร์พระราชาที่เป็นหลักแนวทางให้พสกนิกรได้สืบสานอย่างยั่งยืนและประสบความสำเร็จจวบจนทุกวันนี้