เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ก.พ. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.ภานุมาศ บุญญลักษณ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก.สน.สายไหม เข้าสอบปากคำ นายอดิศร ทับหิรัญ หรือ เบ๊นซ์ อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุกราดยิงกลุ่มวัยรุ่น ภายในซอยสายไหม 34 เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 2 ราย ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ สส.บก.น.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.สายไหม ได้สืบสวนจนพบหลักฐานชี้ชัดว่าเป็น หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ และได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้วในข้อหา ร่วมกันฆ่า พยายามฆ่า มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ พกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจนทราบว่า นายอดิศร ได้หลบหนีไปกบดานที่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมายัง สน.สายไหมเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เบื้องต้น นายอดิศร ยังคงให้การปฏิเสธ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงกลุ่มวัยรุ่นย่านสายไหม แต่ที่เดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากเดินทางไปติดต่อเรื่องประกันสังคมให้กับน้องชายที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลสายไหม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเนื่องจากพยานและหลักฐานบ่งชี้ว่านายอดิศรคือผู้ร่วมก่อเหตุจริง พล.ต.ท.ศานิตย์ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่แน่ชัดว่านายอดิศรมีความผิดจริง อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่มั่นใจในหลักฐานที่มีอยู่พร้อมทั้งดำเนินการล่าตัวผู้ร่วมก่อเหตุอีก3รายที่ยังหลบหนีอยู่อีกด้วย ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุเกิดจากความไม่ลงรอยกันของกลุ่มวัยรุ่นแต่ละกลุ่ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข จากการตรวจสอบประวัติของนายอดิศร ถูกจับในคดีพยายามฆ่า ในพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรคูคต โดยศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี 6 เดือน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประกันตัว ต่อสู้ในชั้นศาลอุธรณ์ ในทางสืบสวนพบว่า นายอดิศร ก่อเหตุยิงคู่อริ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการแก้แค้นให้กับน้องชายที่ถูกกลุ่มคู่อริยิงเมื่อวันที่ 10 ก.พ. จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยนายอดิศรอยู่ในกลุ่มที่ชื่อว่า กลุ่มยันหว่าง และมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่น ชื่อกลุ่ม 3+4 กลุ่มสายไหม 17 และกลุ่มรินทอง ซึ่งมีปัญหาบาดหมางกันมานาน ถึงนายอดิศรจะให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้รัดกุมในรูปคดีและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 3 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป