พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 20.15 น. มีใจความดังนี้ สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ขอขอบคุณนะครับ ในทุกวันศุกร์ นั้น ผมได้มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชน “ทั้งประเทศ” สัปดาห์ ละ 1 วัน ผมถือว่ามีความสำคัญในช่วงนี้นะครับ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปประเทศของเรานะครับ หลายเรื่องต้องทำความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน เรื่องแรก ผมขอเริ่มในสิ่งที่เป็นสิริมงคลนะครับ แก่คณะรัฐมนตรี และผมถือว่ากับประเทศชาติด้วยนะครับ ผมได้มีโอกาสเข้าเฝ้าถวายพระพร สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จึงขอน้อมนำพระดำรัสนะครับ และมงคลชีวิตต่างๆ มาฝากพี่น้องประชาชนในวันนี้ด้วย โดยสมเด็จพระสังฆราช ได้ทรงสอนให้พวกเรา “มีสติ ให้รู้คิด รู้ตัว และรู้ปฏิบัติ” แล้วก็เป็นกำลังใจรัฐบาลและ คสช. นะครับ ในการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท พร้อมทั้งรับสั่งว่า “ในเมื่อทุกคนมีลาภก็มีเสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศได้ อย่าไปผูกติดตรงนั้น” นะครับ ซึ่งผมและ คณะ รัฐมนตรี และ คสช. ก็ตระหนักในส่วนนี้ เป็นอย่างดีอยู่เสมอมานะครับ เพราะรู้ดีอยู่ว่าไม่มีอะไรคงทน เว้นแต่ “ความดี – ความชั่ว” เท่านั้นนะครับ ก็ตั้งใจในการทำความดีเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้คนไทย ได้มีความสุขที่ยั่งยืน เป็นการสนองพระราชปณิธานของในหลวง รัชกาลที่ 9ด้วย ในเรื่องของการปกครองแผ่นดินโดยธรรมนะครับ เพื่อประโยชน์สุข ของปวงชนชาวไทยทุกคน ที่ได้ทรงปฏิบัติมาอันเป็น“ศาสตร์พระราชา” ที่ในหลวง รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงสานต่อพระราชปณิธานนั้นสืบต่อมา สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่า เป็นธรรมะที่สำคัญ แต่หลายคนอาจจะถูกลืมกันไปนะครับ ก็คือคำว่า “หิริ-โอตัปปะ” หรือ คำที่มีความหมายว่ามีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ที่อยากให้พวกเราทุกคนได้ยึดถือปฏิบัตินะครับ ในชีวิตประจำวัน เพราะว่าถ้าหากว่าเราขาดคำว่า “หิริ-โอตัปปะ” แล้ว ความชั่ว – สิ่งไม่ดี ก็อาจจะเข้ามาครอบงำจิตใจได้นะครับ พี่น้องประชาชนที่รักครับ, ผมขออนุญาตกล่าวถึงสื่อเล็กน้อยนะครับ ในกรณีที่มีสื่อบางฉบับ บางคอลัมน์ บางสำนักพิมพ์ หรือสื่อโทรทัศน์บางช่อง ก็อาจจะมักเสนอข่าว หรือเขียนข่าวในเชิงที่ดูถูก ดูแคลน การทำงานของ “แม่น้ำ 5 สาย” ของรัฐบาล อาจจะเขียนด้วยความสะใจ หรือไร้ข้อเท็จจริงนะครับ เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ รัฐบาลและ คสช. รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้อง ไม่มีผลงาน ไม่มีการแก้ไข หรือไม่มีการปฏิบัติใดๆ ที่เป็นเรื่องของการปฏิรูป ผมก็อยากให้ประชาชนและสังคม ได้พิจารณาอย่างเป็นกลางนะครับ บรรดาสื่อฯ ที่ขาดจรรยาบรรณเหล่านี้ มีส่วนน้อยนะครับ ที่เขียนวิพากษ์วิจารณ์ ในเชิงไม่ใช่ “ติเพื่อก่อ” นะครับ เป็นลักษณะเป็นการ “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” มากกว่า หลายสิ่งที่กำลังทำ เราก็กำลังระดมความคิดเห็น กำลังศึกษา หลายเรื่องก็เสร็จไปเยอะแล้ว ไม่ใช่คิดกันเอง ก็รับฟังความคิดเห็นมาโดยตลอดทุกเรื่อง ปรึกษา ไม่ใช่ทหารคิดเองทำเองหมด ไม่ใช่นะครับ ผมเป็นหนึ่งในผู้นำเฉยๆ ในส่วนของภาคเอกชน ข้าราชการต่างๆ เขาก็ร่วมมือกันทำงานนะครับ อย่ามามองว่า เป็นทหารแล้วจะต้องเป้นอย่างนั้น อย่างนี้นะครับ บ้านเมืองวันนี้ก็สงบขึ้น เศรษฐกิจก็ดีขึ้นนะครับ การค้าการลงทุนจากต่างประเทศก็มีแนวโน้มดีขึ้นถึงแม้ว่าโลกภายนอกจะมีภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจอยู่บ้างก็ตาม ผมยกตัวอย่างนะครับ เช่นเรื่องน้ำ เรื่องป่า เรื่องที่ดินนะครับ เราต้องอาศัยการผลักดันกฎหมาย กว่า200 ฉบับนะครับ เพื่อให้เกิดการปฏิรูป แล้วก็เพื่อใช้ในการบริหารราชการในอนาคต ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนนะ เพราะงั้นเราก็ต้องแก้ปัญหาความไม่บูรณาการของกฎหมายในอดีตด้วย ที่ต่างกระทรวง ต่างหน่วยงาน ต่างต้องยึดถือ ซึ่งบางอย่าง บางกฎหมาย หรือบางกฎกระทรวงนั้นก็มีความขัดแย้งกันเอง ทำให้กิจกรรมที่เป็นภาพรวมนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากว่ากฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ กฎหมายก็ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ รัฐบาลนี้ก็ได้พยายามปรับปรุงใหม่ ให้ทันสมัย เป็นสากล แล้วก็ประยุกต์ให้สอดคล้องกับสังคมไทย หลายอย่าเอามาหมดไม่ได้หรอกครับ ต้องเอามาเป็นตัวอย่าง แล้วประยุกต์ใช้ให้ได้นะครับ ในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น อันนี้เราก็ทราบดีอยู่แล้วนะครับว่า กฎหมายไทยนั้นเขียนไว้แล้วว่าต้องมีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ถ้าเราคิดให้ดีนะครับ ผู้ให้มี 2 ประเภท คือ ถูกเรียกรับ แล้วก็จำเป็นต้องให้ อันที่สองก็เสนอให้เขาก่อน เพื่ออำนวยความสะดวก อะไรทำนองนี้เราจะทำยังไงล่ะครับ ว่า “ผู้ให้” นั้นก็มักจะไปพูดภายนอกเสมอว่าเสียเงินเสียทองแต่ไม่กล้าร้องทุกข์กล่าวโทษ สมยอมบ้าง อะไรบ้าง เพราะกลัวความผิด กลัวติดคุก แต่ได้ประโยชน์ อันนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่เราต้องมาคิดกันนะครับ หากว่าในกระบวนการยุติธรรม ที่เราใช้อยู่ปัจจุบันนี้ เขาใช้คำว่าต้องมีหลักฐาน มีวัตถุพยาน มีพยานบุคคล ถ้าไม่มีตรงนี้ ไม่มีผู้ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ก็จะไปดำเนินคดีไม่ได้ นะครับกับ “ผู้รับ” ได้ยาก ไม่มีโจทก์ ก็ต้องใช้การสอบ สวน ตามกระบวนการ พอไม่มีหลักฐานขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ก็กลับมาที่เดิม สังคมก็ไม่ไว้วางใจฝ่ายรัฐเข้าไปอีก หรือหน่วยตรวจสอบต่างๆ ต่างๆ เหล่านั้นนะครับ เพราะงั้นสื่อและสังคมก็ควรพิจารณาร่วมกับเราด้วยนะ อย่าเอาแต่โจมตีเรื่องนี้นักเลย เราต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำนะครับ ว่าเราจะช่วยกันแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะว่าพันไปกับคนส่วนมากนะครับ ทั้งหมดนั่นแหละ เรื่องการอนุรักษ์ป่านั้นมีหลายประเภทด้วยกันนะครับ ที่เรามีทั้งป่าอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน เราก็ควรจะมาคิกว่าเราจะบริหารจัดการกันอย่างไร มีกฎหมายอยู่หลายฉบับ ที่มีความแตกต่างกันของหลายหน่วยงาน แผนที่ก็ต้องมีการปรับแก้นะครับ ให้ตรงกัน ปัญหาสำคัญวันนี้ก็คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ หรืออุทยานมาก่อน เราจะทำอย่างไรกับเขา เพราะบางส่วนเขาเข้ามาอยู่ก่อน มาทำมาหากินตั้งแต่บรรพบุรุษ ก่อนจะมีกฎหมาย หรือก่อนจะมีการกำหนดเป็นเขตป่าเหล่านั้น ปัจจุบันกลายเป็นผิดกฎหมายทั้งหมด โดยไม่มีอะไรรองรับเลย เราก็ต้องพิสูจน์เป็นกรณีไปนะครับ โดยใช้ทั้งนิติศาสตร์ – รัฐศาสตร์ “ร่วมกัน” ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืน เราต้องเข้าไปดูรายละเอียดนะครับ รับฟังความคิดเห็น เราจะดูแลคุ้มครองเขาได้อย่างไร เพราะกฎหมายปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นความผิดทั้งหมด ต้องย้ายออกทั้งหมด เราทำได้หรือไม่ล่ะครับ มีปัญหากับพ่อแม่พี่น้องทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะปล่อยให้มีการบุกรุกป่าอีกต่อไป ทีอยู่ อยู่แล้ว แล้วไม่สามารถดำเนินการอย่างอื่นได้ ก็ต้องหาวิธีการแก้ปัญหา ต้องช่วยคิดนะครับ เราก็เห็นใจพี่น้องประชาชนเหล่านั้น ซึ่งเห็นก็มาเรียกร้อง มาประท้วงอยู่หลายที่ด้วยกัน ฟ้องศาลด้วย อะไรด้วยนะครับ เราจะทำอย่างไรให้คนสามารถอยู่กับป่าได้ ช่วยรักษาป่าไม้ไปด้วยนะครับ อย่างยั่งยืน เราต้องมีมาตรการควบคุม ติดตามให้รัดกุม เจ้าหน้าที่ก็ต้องเอจริงเอาจังนะครับ ไม่ปล่อยปละละเลย มีมาตรการลงโทษที่เด็ดขาดทั้งกับผู้ที่บุกรุก หรือผู้ที่ไม่รักษากติกา รวมความไปถึงการลงโทษเจ้าหน้าที่ ที่ปล่อยปละละเลย “ควบคู่” กันไปด้วยนะครับ หลายอย่างที่เสนอข่าวกันมานั้น บางอย่าเกินเลยนะครับ ถ้าอยู่ในกรอบบ้างผมก็จะไม่กล่าวถึงนะ มีการวิพากษ์วิจารณ์ หลายอย่างนะครับ อาจ จะเพียงเพื่อสร้างกระแส แล้วก็มาอ้างว่ารัฐบาลนี้ปิดกั้น ลองคิดดูนะครับว่าถ้าหากว่าสื่อขายดี แต่ประเทศชาติ สังคมเกิดการแตกแยกทางความคิด มีความขัดแย้งขยายวงกว้าง จนเกิดความรุนแรง ไปสู่การจลาจล ทำนองนี้ใครจะรับผิดชอบล่ะครับ ทุกคนก็เผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้นมาโดยตลอดนะที่ผ่านมา เพราะงั้นจะรับผิดชอบกันไหวหรือเปล่า เพราะว่าถ้าเกิดความเข้าใจผิด จาการบิดเบือน ปลุกระดม ความรุนแรงมันก็เกิดขึ้น แก้ไขได้ยาก เหมือนเหตุการณ์ ทุกเหตุการณ์ ที่ผ่านมานะครับ สื่อทุกสื่อ ประชาชนหลายคน หลายส่วนก็เห็นเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แปลกดีเหมือนกัน หาพยานยาก วันนี้ก็เห็นว่าเอาเรื่องที่เคยเป็นมาในอดีตนะครับ เอามาเขียนให้ทะเลาะกันอีกต่อไป ก็ไปไม่ได้ทั้งหมดน่ะ ผมบอกแล้วไง ว่าวันนี้กำลังพูดไปข้างหน้า การแก้ปัญหาต้องแก้วันนี้ให้ได้ แล้วเดินหน้าต่อไปข้างหน้า ที่ผ่านมาแล้วก็ใช้กฎหมายแก้ไป ไม่ใช่ว่าเออ มีหรือไม่มี ใช่หรือไม่ใช่ มีการทำร้ายประชาชน ทำลายประชาธิปไตย ใช้ความรุนแรง แล้วไปดูอีกฝ่ายเขาใช้อะไรกันล่ะครับ เริ่มต้อนจาก 2 กลุ่มทั้งสิ้นที่ผ่านมานะครับ เพราะงั้นอย่าลืมสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้ว เป็นบทเรียนราคาแพง เพราะว่ามีคนบาดเจ็บสูญเสียจำนวนมากนะครับ บ้านเรา สังคมเรา ก็ควรจะจดจำเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่ดีงามนัก ก็น่าจะดีกว่านะครับถ้าเราป้องกันได้ตั้งแต่วันนี้ ฝากสื่อด้วยแล้วกันในการใช้ “จรรยาบรรณสื่อที่ดี” พิจารณาการแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสม อุจาดตา เป็นผลเสียต่อสังคม โดยเฉพาะเยาวชนนะครับ การเสนอภาพที่ละเมิดสิทธิผู้อื่น สิทธิผู้ตาย สิทธิผู้เสียหายอะไรเหล่านี้ มีทั่วไปนะครับ ทั้งในหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ด้วย โซเชียลด้วย บางทีเขาก็แก้ไขอะไรตัวเองไม่ได้ เขาเสียหายนะครับ ญาติพี่น้องเสียหายอับอาย แล้วก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนส่วนบุคคลของเขา ขอให้ระมัดระวังนะครับ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย หรือสื่ออื่นๆ อะไรก็ตามนะครับ ใช้ความระมัดระวังในการเสนอข่าวด้วย ช่วยกันจรรโลงสังคมให้น่าอยู่ขึ้น น่าจะดีกว่านะครับ สำหรับเรื่องการปฏิรูปประเทศนั้น ผมก็พูดมาหลายครั้ง วันนี้เรามี“แม่น้ำทั้ง 5 สาย” ร่วมกันทำงานอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา 2 ปีกว่านะครับ ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันติดตาม แล้วก็ใช้เสรีภาพทางความคิด อิสระในการเขียน ที่น่าจะต้องหาข้อมูล ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมด้วยนะครับ ให้รอบด้าน ครบทุกมิติ อย่าไปคิดเอาเอง คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม เขียนแบบเดิม ก็ได้แบบเดิมนะครับ ผมไม่อยากให้เอาสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะมีนักการเมืองไม่ดีหลายคน ออกมาพูดกล่าวอ้างผลิตซ้ำทำให้สังคมเข้าใจผิด ว่าเราไม่ทำอะไร หรือทำอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์ เหล่านี้ ทำให้เสีย เวลาเปล่านะครับ เพราะงั้น รัฐบาล คสช. ทำเต็มที่ ไม่อยากให้เสียเวลาเปล่าอย่างที่ว่านะครับ ให้ความเป็นธรรม ให้กำลังใจกับ รัฐบาล ข้าราชการ คสช. ด้วยนะครับ ก็อยากให้ติดตามดูว่าข้าราชการ หน่วยงานต่างๆ เขาทำอะไรกันบ้าง ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะต้องมีทั้งกฏหมาย มีวิธีการใหม่ๆ ในการที่จะปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมนะครับ เสร็จไปเป็น 100 เรื่องแล้วนะ เพราะงั้นก็อยากให้ติดตามดูด้วยนะครับ หลายเรื่องมีการการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อจะขับเคลื่อนต่อไปให้ได้ ไม่งั้นก็จะเป็นการแก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ นะครับ เช่น การบริหารจัดการน้ำ ก็มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำแผนร่วมกัน ให้ประสานสอดคล้องกัน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพย์ฯ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ นะครับ จะต้องบริหารจัดการอย่างไร เดิมที่ผ่านมานั้นมันมีอยู่แค่ไหน เริ่มทำวันนี้เราทำไปถึงไหนแล้ว ติดตามด้วยนะครับ และเมื่อไหร่จะครบถ้วน โน่น 5 ปี 5 ปี 5 ปี โน่น แผนงานโครงการก็ทยอยอกมาตามลำดับนะครับ เราก็ต้องมารับรู้ทั่วกันว่าเมื่อไหร่เราจะแก้ปัญหาได้ครบวงจร ไม่ใช่ว่าเรียกร้องตรงโน้นตรงนี้ ไม่เห็นได้ ไม่เห็นได้ จะได้ยังไงล่ะครับ เพราะอยู่ในแผนงานที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เพราะต้องเร่งดำเนินการตามลำดับความเดือดร้อนมาก / น้อยก่อนนะครับ แล้วก็ดูอะไรที่เป็นเชิงโครงสร้าง เชิงที่จะเชื่อมโยง การกระจายน้ำ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ต้องใช้เวลานี่ครับ ก็ไม่อยากให้เอาทีละเรื่อง ทีละจุด มาติ มาต่อว่า แล้วก็มาขยายความขัดแย้ง แล้วประชาชนแล้วสังคมก็ไม่เข้าใจอีกนะ ก็ไม่ร่วมมือ ทุกคนก็ถูกกดดัน ให้ออกมากดดันรัฐบาล มาเรียกร้องความช่วยเหลือจากรัฐ ซึ่งเรายิ่งต้องพยายามสร้างการเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็ง เราต้องทำให้พี่น้องเหล่านั้นช่วยตัวเองได้นะครับ ยื่นอยู่บนลำแข้งตัวเองได้ สื่อจะช่วยผมได้มากนะครับ ก็ขอร้องกัน แล้วกัน นะ จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนให้กับประเทศด้วย ในเรื่องการดูแลผู้มีรายได้น้อยนั้น นับตั้งแต่วันแรกนะครับ ไม่ใช่แต่เพียงการให้ “เงิน” อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ เราต้องให้ “ความรู้”เราต้องเพิ่มขีดความสามารถ เราต้องสร้างความเข้มแข็ง สร้างกระบวนการเรียนรู้ ยกระดับให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เราไม่อยากให้เป็นเหมือนในอดีต วันนี้ที่เราทำมาทั้งหมด พอเดือดร้อนก็รอความช่วยเหลือจากรัฐแต่เพียงอย่างเดียว แล้วตัวเองก็ไม่เข้มแข็ง เพราะเป็นเช่นนี้มานานหลาย 10 ปีแล้วนะครับ เขาก็ยังยากจน มีหนี้สินเหมือนเดิม จะทำยังไงล่ะครับ แล้วแก้ได้เร็วๆ ไหม ก็ยังไม่ได้ หลายอย่างเราก็พยายามทำแล้วนะ การลดหนี้ การชะลอหนี้ การแก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ ทำนองนี้นะ ก็แก้ไปหมดแล้ว ติดตามดูแล้วกันนะครับ อย่ามาหาว่าไม่ดูแลผู้มีรายได้น้อยนะ รัฐบาลนี้ทำไมให้เขาน้อย แล้วให้มาก ผิดกฎหมายหรือเปล่าล่ะครับ กฎหมายเขาเขียนไว้เท่าไร ก็เท่านั้น แล้วมีมาตรการอื่นก็เสริมเข้ามานะ เราต้องควบคุมการทำงานของเรา แล้วให้ประชาชนเรียนรู้ด้วยนะครับ ว่าเขาต้องเข้มแข็งด้วยตัวเองด้วย รัฐบาลถึงจะทำงานให้ได้นะครับ ส่งเสริมให้ได้ ตามขีดความสามารถของรัฐบาลด้วย เพราะฉะนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องรักษาวินัยการเงิน การคลังนะครับ เงินงบประมาณแผ่นดินนั้น ก็ต้องใช้อย่างเป็นประโยชน์ ไม่ซ้ำซ้อนนะครับ เพื่อจะดูแลคนไทยทั้งประเทศ ทุกกลุ่มให้ได้ ไม่ใช่บางกลุ่มได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ไม่ได้นะครับ แล้วเราก็ต้องพยายามสร้างกลไกอื่นๆ มาช่วยเสริมด้วย เช่น การร่วมมือรูปแบบ “ประชารัฐ” เหล่านี้เป็นต้น ที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ นอกจากนั้นการดูแลช่วยเหลือเร่งด่วนกับผู้ที่เดือดร้อนนั้น นอกจากเราจะต้องเพิ่มขีดความสามารถ แล้วก็ความเข้มแข็งแล้วนะ เราต้องไปดู “ตรงกลาง” กับ “ระดับบน” เพราะเศรษฐกิจมีระดับบน ระดับล่าง เราต้องไปดูตรงกลางกับข้างบนด้วย ว่าจะสอดคล้องเชื่อมโยง เผื่อแผ่ ให้ถึงข้างล่างได้อย่างไร ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ แล้วพึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลกันไม่ได้ รัฐบาลนี้พยายามทำอย่างเต็มที่นะครับ บริหารงาน “ทุกอย่าง” ตามกฎหมาย เราอย่ามามองว่าเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและรังแกผู้มีรายได้น้อย ขอให้ทบทวนให้ดีนะครับ หลักการ หลักเกณฑ์ หลักคิดมีอยู่แล้ว ถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ได้ ก็มีปัญหามาโดยตลอดนะครับ ในการปฏิรูประบบราชการ หรือส่วนราชการนั้น เราต้องคำนึงถึงกรอบยุทธศาสตร์ชาติด้วยนะครับ ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ประเทศของเรามีการ มีเรื่องจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูป ในหลายประเด็นด้วยกัน บางประเด็นก็ทำไม่ได้ในระยะสั้นๆ นะครับ เนื่องจากสถานการณ์โลก ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการทำงานในวันนี้ ไม่ว่าจะของรัฐ หรือการปฏิบัติตัวของประชาชนนะครับ ต้องมีการปรับตัว ต้องมีการพัฒนาตนเอง ไปด้วยกันนะครับข้าราชการก็ต้องมีประสิทธิภาพ มีขีดความสามารถสูงขึ้น ทำงานให้หนักขึ้น รัฐบาลเองมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย และบริหารราชการ จากบนลงล่าง ในกรอบของประเทศ และเพื่อประชาชนทั้งประเทศนะครับ กำกับดูแลการทุจริตต่างๆ ที่ได้จัดทำงบประมาณลงไปแล้วนะครับ หน่วยงานทั้งในหน่วยงานราชกา และในหน่วยงานที่เป็นองกรอิสระนะครับ ไม่ได้ไปหวงห้ามใคร เมื่อแผนการ โครงการต่างๆ เหล่านั้นลงไปในระดับพื้นที่แล้ว กระทรวง มหาดไทยนะครับ ก็มี “ผู้ว่าราชการจังหวัด” นะครับ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญมากที่สุด ในการขับเคลื่อนทุกอย่างในพื้นที่ ใช้องคาพยพ แล้วก็มีตัวแทนจากส่วนราชการต่างๆ ในพื้นที่อีกมากมาย จากทุกกระทรวง ในฐานะ “พ่อเมือง” ควรเป็นคนที่มีลักษณะ “พึงประสงค์” ก็คือต้องมีทั้งวิสัยทัศน์ มีการปฏิบัติงานเชิงรุก และมองประเด็นปัญหาการปฏิบัติในพื้นที่ได้ครบทุกมิตินะครับ แล้วก็นำนโยบายจากรัฐบาลที่ถ่ายทอดลงมานั้นไปสู่การปฏิบัติ แก้ปัญหาระดับพื้นที่นะครับมองมิติในพื้นที่ของตนเองด้วยว่าประชาชนต้องการอะไร ปัญหาหลัก/รอง คืออะไร อะไรที่จะแก้ให้เร่งด่วน อะไรที่ยังแก้ไม่ได้ ก็สร้างความเข้าใจกับเขา เขาจะได้มีกำลังใจ ไม่ออกมาต่อต้าน ไม่ออกมาขัดขวาง อะไรต่างๆ เหล่านี้ เพราะไม่รู้ไง ไม่ทราบ ต้องชี้แจง ทำความเข้าใจให้มากขึ้นนะครับ อะไรที่จะใช้ ทรัพยากรในพื้นที่ได้ อะไรใช้คนในพื้นที่ได้ก็ทำไป อยู่ในกรอบให้โปร่งใส อะไรที่สามารถจะทำด้วยตัวเองก็ริเริ่ม ตามวิสัยทัศน์ ตามอะไรต่างๆ กรอบนโยบายที่รัฐบาลให้ไปแล้ว แล้วอะไรที่ขาดเหลือก็ขอขึ้นมา ผ่านกระทรวงมหาดไทย วันนี้ก็ทำงานแบบนี้อยู่ เพราะงั้นก็อยากจะให้ทุกส่วนราชการได้ใช้ศักยภาพในพื้นที่ของตนให้เต็มที่ก่อนนะครับ แล้วไม่อยากให้มุ่งเน้นงานฟังชั่นอย่างเดียว ต้องไปดูงานบูรณาการด้วย ให้สอดคล้องกับแผนงานโครงการที่เราจัดทำลงไปนะครับ เพราะงั้นรัฐบาลก็ถือว่า เราจะทำงานให้ เป็น “การสื่อสาร 2 ทาง”นะครับ “จากล่างขึ้นบน” และ “จากบนลงล่าง” ในเวลาเดียวกัน เพราะงั้นในพื้นที่ ก็ผู้ว่าราชการจังหวัดนะครับ เป็น ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงมีการบูรณาการในพื้นที่ เพราะงั้นผู้ว่าก็ต้องเป็นผู้ที่ทำงานเหล่านี้ได้นะครับ ไม่ใช่เพียงแค่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” อย่างเดียวแล้ว วันนี้ต้องทำงานฟังก์ชัน งานบูรณาการ มองงานในภาพกว้าง ทั้งในจังหวัด ในกลุ่มจังหวัด ในเวลาเดียวกัน แล้วก็ดูกลุ่มจังหวัดอื่นๆ ด้วยนะครับ ว่าจะ เชื่อมโยงกันได้อย่างไร เพราะต้องอยู่ในภูมิภาค กลุ่มจังหวัด แล้วก็จังหวัด แล้วก็ชุมชน ประเทศไทยประกอบด้วยอย่างนี้นะ เพราะงั้นไม่อยากให้รอรัฐบาลสั่งการ อย่างเดียว บางอย่างง่ายๆ ทำเองก็ได้ ทำไมต้องรอสั่ง กฎหมายก็มี อะไรก็มี คนก็มี เหล่านี้ ผมอยากให้ผู้ว่าฯ นะครับ ได้มีการเร่งรัดพัฒนาตนเองให้เป็นอย่างที่ผมพูด วันนี้ท่านก็ทำเยอะแล้วละผมว่า นะ แต่ก็ยังไม่ทันใจร้อนของผม ของประชาชนที่เขาใจร้อน เพราะงั้นรัฐบาลเองก็ต้องปรับตัวเหมือนกันนะครับ ทำตัวให้พร้อม รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ และให้การสนับสนุน ผู้ที่ร้องขอได้อย่างเหมาะสมนะครับ หลายอย่างที่ ผู้นำ หรือผู้บังคับบัญชานะครับ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีสั่งการ วิธีประเมิน วิธีการติดตามกำกับดูแลการขับเคลื่อน ตรวจสอบการทุจริต ให้เกิดความรวดเร็ว ช่วยขจัดปัญหาอุปสรรคให้กับข้าราชการด้วยนะครับ เพราะงั้น ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องดูแลซึ่งกันและกัน บางอย่างต้องอาศัยซึ่งกันและกันตั้งแต่จังหวัด อำเภอ แล้วก็ท้องถิ่นนะครับ เพราะงั้นต้องช่วยกัน สอดปะสานกันให้ได้ ถ้ากรณีกฎหมายไม่ทันสมัย รัฐบาลก็พยายามแก้ไขอยู่นะ อะไรที่มีปัญหา รัฐบาลก็แก้ปัญหาระหว่างที่ทำกฎหมายใหม่ บางอย่างก็ใช้มาตรา 44 ไปทดแทนไปก่อนนะครับ สาระใจความก็คือให้เหมือนกับกฎหมายที่เราต้องปรับปรุงใหม่เท่านั้นเองนะครับ พี่น้องประชาชนที่รัก, วันนี้การทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองที่เราเรียกว่า ป.ย.ป. นั้น ปัจจุบันก็อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมผลงานนะครับ ที่รับบาลนี้และ คสช. ได้ปฏิบัติไปแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมากมายหลายกิจกรรมนะครับ ไม่ใช่อย่างที่บางคนกล่าวอ้างไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วจะมาเร่งทำวันนี้ ทอดเวลา สี่อบางสื่อ ก็ยุงแยงแบบนี้มาเรื่อยๆ ตลอดเวลา ผมไม่เข้าใจนะ ไม่รักประเทศชาติกันหรือยังไงไม่ทราบ แล้วก็อ้างแต่เพียงว่าหวังดี ๆ ๆ แต่ที่พูดมาไม่ใช่นี่นา ก็อาจจะพยายามสร้างกระแส เพื่อขายหนังสือก็แล้วแต่นะ แต่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ประชาชนไปตัดสินเอาเองนะครับ วันนี้เราถึงต้องมี ป.ย.ป. ยังไง ป.ย.ป. เอางานที่ทำมาแล้ว กับงานที่ยังไม่ได้ทำ มารวบรวมกันให้ชัดเจนขึ้น หลายอย่างก็ต้องทำแผน งานโครงการ ทำ Road Map ของแต่ละกิจกรรมไปด้วย ผมอยากให้ประชาชนและสังคมนะครับ ได้เปรียบเทียบกันก่อนที่ผมมา กับวันนี้นะครับ หลายอย่าง อะไรดีขึ้น อะไรแย่ลง อย่าไปมองเฉพาะบางกิจกรรม ทุกอย่างไม่ว่าจะทำความผิดอะไรก็ตาม ก็ต้องในกระบวนการ แต่ก่อนไม่เข้ายังไง วันนี้ผมเอาเข้า แต่เข้ายังไม่หมด ก็ต้องใช้เวลาในการนำเข้าด้วยหลักฐาน ด้วยพยาน อะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างก็ต้องนำเข้าให้หมดในช่วงที่ผมยังอยู่นี่นะครับ เท่าที่ทำได้มากที่สุดนะ ไม่ใช่รังแกใครทั้งสิ้น เพราะงั้นก็ไปสู้กันในศาล ในกระบวนการยุติธรรมแล้วกัน เพราะงั้นขอให้ตรวจสอบด้วย เปรียบเทียบด้วย ก่อน 22 พฤษภา 57กับวันนี้เป็นยังไง อะไรดีขึ้นนะครับ ก็ฝากไปดูรายละเอียดด้วยแล้วกัน อย่าไปเชื่อคำบิดเบือนกันมากนักนะ อ่านเอามันอะไรอย่างนี้ หรือเขียนเอาสนุกอย่างนี้ไม่ได้ บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นนะ เพราะฉะนั้นองค์ประกอบของ ป.ย.ป. ในส่วนของรัฐบาลและ คสช.นั้น มีหน้าที่เพียง สั่งการ มอบนโยบาย กำกับดูแล ก็เหมือนกับ ครม. นะครับ เพียงแต่เอางานอื่นมาเติมเข้าไปด้วย งานจาก สปท. สนช. สปช. เก่าด้วยนะ เอามาเสริมกันเข้าไปว่าทำครบหรือยัง เอาใส่กล่องเขย่ากันได้ยังไง แล้วทั้งหมดจะมารวมกันอยู่ที่ครม. นะครับ ก็เป็นการทำงานตามงานปกติ ซึ่งที่ผ่านมานั้นค่อนข้างจะเป็นงานฟังชั่น ก็มีคณะกรรมการขับเคลื่อน กขป. ขึ้นมาอยู่แล้ว เดิมนะ สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (PMDU) วันนี้ก็มี PMDU เข้ามาอีกด้วย ก็แค่นั้นเองนะ จะได้ไม่เป็นการแก้ปัญหารายปี รายกิจกรรม เรียกร้องครั้งหนึ่งแล้วก็มาใหม่วันหน้า อะไรทำนองนี้ หรืออะไรที่ผิดกฎหมายก็ปล่อยปละละเลย จนเกิดความเคยชิน พอเคยชินแล้ววันนี้จะมาบังคับก็ไม่ได้อีกแล้วนะ ก็อ้างว่าเจ้าหน้าที่เดิมนั่นแหละ เป็นคนปล่อยปละ วันนี้เจ้าหน้าทีเดิมนั่นแหละมาจับกุม นี่แหละคือปัญหาของประเทศ นะ เพราะงั้นทุกคนก็ต้องหยุดเรื่องเก่าแล้วทำเรื่องใหม่ให้ได้นะ ประชาชนก็ต้องเห็นใจนะครับ เพราะที่ผ่านมานั้นอาจจะขาดการดูแลที่ดีเพียงพอ อาจจะไมเข้มงวดในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่แก้ไขต่างๆ ให้ยั่งยืน วันนี้เราเข้ามาแก้ไขแน่นอนต้องเจอปัญหามากมาย อาจจะทำให้เกิดความถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจของคนหลายคนนะ เพราะด้วยกฎหมาย ด้วยวิธีการใหม่ๆ ด้วย เพราะงั้นงานวันนี้ค่อนข้างจะล้นมืออยู่เหมือนกัน หลายอย่างติดปัญหา เพราะเรามีการจัดทำยุทธศาสตร์ไว้ล่วงหน้า แล้วก็มีการเตรียมการในเรื่องของแผนการปฏิรูป ในเรื่องของการเดินหน้าจัดยุทธศาสตร์ชาติ การเดินหน้าของแผนสภาพัฒน์ฯ เหล่านี้ จำเป็นต้องเตรียมการวันนี้นะครับ ไม่งันวันหน้าจะเป็น รอเมื่อไรล่ะนะ วันนี้นะครับเราคงต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้านะครับ ทั้งวันนี้ วันหน้า และก็วันต่อๆ ไปด้วยนะ เพราะงั้นเราก็น่าจะต้องมีแผนแม่บท มีข้อมูลมีกฎหมายลูก ที่สอดคล้องกับกฎหมายปัจจุบันที่ออกมาแล้ว หลายอย่างก็ยังไม่ออกนะ เพราะงั้นเราจะต้องปฏิบัติให้ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้นะครับ โดยไม่ใช่รัฐธรรมนูญเป็นบทที่จะมาใช้ปฏิบัติสำหรับในการบังคับใช้กับประชาชนไม่ใช่ รัฐธรรมนูญนั่นเป็นกฎหมายหลักของประเทศ ของรัฐนะครับ แต่จำเป็นต้องมีกฎหมายลูกออกมา เพื่อให้สอดคล้องกับมาตราทุกมาตราในรัฐธรรมนูญ เพราะงั้นประชาชนก็ต้องมาปฏิบัติตามกฎหมายลูกตัวนี้ กฎหมายที่ออกมาเป็น พรบ. โน่น นี่ หรือกฎกระทรวงอะไรเหล่านี้ เรียกว่ากฎหมายลูกนะ เพราะงั้นเราต้องทำงานหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน เวลาก็น้อย 2 ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะมองว่านาน ผมคิดว่าถ้าทำงานเยอะๆ ไม่นานหรอก จะไม่มีเวลาที่ว่างให้คิดว่าเออ เวลาเหลือๆ ไม่เหลือหรอกครับ ปัญหาเราเยอะเกินไป ปล่อยปละละเลยกันมากมาย จนแก้ไม่ทันนะ ต้องรอบคอบนะครับ แล้วก็ต้องทำงานมุ่งไปสู่ผลสัมฤทธิ์ให้ดีที่สุด ในทั้ง 4 คณะนั้น หน้าที่จริงๆ ก็คือผมต้องการเตรียมการส่งต่อรัฐบาลในอนาคตนั่นแหละครับ วันนี้อย่ามาพูดเลยนะว่า ผู้มีรายได้น้อยถูกรังแกเพราะการบังคับใช้กฎหมายจนเกิดปัญหา ปัญหาเดิมก็คือไม่ใช้กฎหมายไง คนก็เลยไม่ปฏิบัติตาม ก็เคยชิน ปล่อยปละละเลยกันจนเคยชิน วันนี้อย่าให้เป็นเช่นอดีตที่ผ่านมานะครับ ซึ่งเป็นการสร้างปัญหามาโดยตลอด ก็ไม่อยากให้มันทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันนะครับ ถ้าเราอยากให้บ้านเมืองสงบก็ช่วยกันหยุดกระทำความผิด แล้วคิดใหม่ ทำให้ถูก มีหลักการในการคิด ตั้งแต่วันนี้นะครับ ทุกภาคส่วนนั่นแหละ ผมขอพูดกับสังคม ประชาชน นะครับ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ในอนาคต รัฐบาลก็กำลังจะทำให้คน“ทั้งประเทศ” เกือบ70 ล้านคน นั้น เขา มีความสุข มีความพึงพอใจ ก็ต้องกระจายความสุขเหล่านี้ให้ถึงเขาให้ได้ และมีชีวิตที่ดีขึ้น ประเทศก็มีรายได้มากขึ้นเพื่อใช้ในการพัฒนา แล้วก็เรื่องสังคมสูงวัย เรื่องของการพัฒนาประเทศ เรื่องของการใช้จ่ายในเรื่องของการสาธารณสุข การศึกษา เยอะแยะไปหมด ที่ทุกคนเรียกร้อง อยากได้เงินเพิ่ม อยากได้ฟรีโน่น ฟรีนี้ แล้วถามว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้ มันจะไปแบบนั้นได้ไหมล่ะ มันจะหาเงินได้มั้ย อย่าคิดแต่รายจ่ายโดยไม่คำนึงถึงรายรับนะ วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่าง หารายรับเพิ่ม ก็ต้องมีกฎ ทำตามกฎหมายนะ เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือว่า รอแล้วนะครับ รอผลสรุปเขาออกมาว่าไง แล้วนั้นแหละคืออนาคตของประเทศ เพราะฉะนั้นก็อยากขอความร่วมมือจากคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ทั้งหมดอ้ะ ทำความเข้าใจกันให้ได้ ว่าเราจะอยู่กันยังไงต่อไป นะ อย่าไปมองประเด็นใดประเด็นหนึ่งอย่างเดียว มันมีหลายอย่างที่มันมีปัญหา อาทิเช่น ความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตย มันเป็นยังไง มันบิดเบือนไปหรือเปล่า นะ อันที่สองก็คือในเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ประชาชนไม่เข้มแข็ง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และการศึกษาที่ไม่มีประสิทธิผลมากเท่าที่ควรนะครับ ผมรู้ทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยนะ ครูก็ลำบากเหนื่อยมามากแล้ว แต่ทำไมมัน มันน่าจะต้องทำให้ดีกว่านี้นะ ผมทราบว่ากำลังทำอยู่แล้วหละ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณไว้ล่วงหน้าแล้วกัน กระทรวงศึกษาธิการ “ผลผลิต” ทั้งหมดนั้น จะสรุปรวบรวมไว้ทั้ง 4 คณะ นะครับ แล้วก็ไปทำงาน ในประเด็นต่างๆ แล้วก็ทำโรดแมปบรรจุยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี แล้วก็ดูแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยนะครับ วันหน้าเราก็จะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อกำกับดูแลติดตามงานเหล่านี้ที่เขียนไว้ให้แล้วเนี่ย ว่า รัฐบาลหน้าจะทำกันยังไงต่อไป ก็เพียงแต่ประคับประคองไปให้ได้ การปรองดองก็ ผมเห็นพูดกันทั้งวันนะก็สนใจอยู่เรื่องเดียว การปรองดอง ก็ปรองดองมันอยู่ที่คนไง มันอยู่ที่คน บังคับได้มั้ย ถ้าทุกคนไม่อยากปรองดอง ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ฉะนั้นทุกคนก็ต้องช่วยตัวเองกันบ้าง เพื่แอประเทศชาติโดยรวม หลายอย่างเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง การเลือกตั้ง แล้วผมถามว่าท่านเลือกตั้งแล้วท่านยังเป็นแบบนี้กันอยู่ ประเทศชาติจะสงบมั้ยล่ะครับ นะ ประชาชนก็ไปคิดเอาเอง นะ ท่านต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ผมพยายามปรับตัวเองอยู่แล้วนี่ ในเรื่องของ PMDU ก็บอกแล้วว่าเป็นตัวขับเคลื่อน วันนี้เท่านั้นแหละ ก็ไปร่วมมือกับกขป.อันเดิม ที่มีอยู่แล้วเดิม ที่รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลอยู่นะครับ ก็จะได้ขับเคลื่อนให้มันเร็วขึ้น “การจัดลำดับความเร่งด่วน” นะครับในการทำงานของ ป.ย.ป. –กขป. –PMDU เราก็จะมุ่งไปสู่วิสัยทัศน์ของประเทศ คือ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” อาทิเช่น (1) การบริหารจัดการน้ำ สถานการณ์วันนี้ก็ “ดีขึ้น” ตามลำดับ นะครับ เป็นการแก้ปัญหาทั้งน้ำแล้ง – น้ำท่วม ได้อย่างทันเหตุการณ์ ก็ผ่านพ้นมา 2 ปีกว่าแล้วนะครับ เรื่องที่ (2) เรื่องการหยุดการบุกรุกป่า– การยึดพื้นที่ครอบครองโดยผิดกฎหมายคืน นำมาเป็นที่ดินที่ใช้ในการจัดสรรให้กับประชาชน เป็นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย ในแนวทางใหม่ของคณะกรรมการนโยบายจัดที่ดิน นะครับ ไม่ออกโฉนดให้ แต่เป็นพื้นที่ทำกิน (3)การส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ในทุกผลิตภัณฑ์ ทุกผลิตผลด้านการเกษตร ในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่–ไร่นาส่วนผสม ทั้งประมง ทั้งเลี้ยงสัตว์ ปศุสัตว์ ก็รวมอยู่ในนี้ด้วยนะครับ เป็นแปลงใหญ่ เราจะได้ส่งเสริมหลายอย่างให้ได้เป็นกลุ่มๆไปนะครับ โดยใช้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปด้วย ในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ (4) มาตรการช่วยเหลือประชาชน–เกษตรกรผู้ที่มีรายได้น้อย “ทุกกลุ่ม” จากมาตรการช่วยเหลือ เป็นกรณีเร่งด่วน แล้วก็มีมาตรการสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถ ในระยะยาวอย่างยั่งยืน หลายโครงการนะครับ ใช้งบประมาณจำนวนมากพอสมควร (5) การขึ้นบัญชีช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพื่อที่จะกำหนดมาตรการช่วยเหลือต่อไปที่เหมาะสมนะครับ ไม่ใช่ว่า เหวี่ยงแห ออกไป เหมารวมไปเรื่อยๆทั้งหมด แล้วมันจะเพียงพอมั้ยละครับคนตั้ง 70ล้าน วันหน้าก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ไม่ตรงความต้องการด้วย ของกลุ่มเป้าหมาย สิ้นเปลืองงบประมาณ รั่วไหลได้ นะครับ (6) การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วันนี้เราก็มาดูว่า เอ๊ะคนขาดแคลนที่อยู่อาศัยเท่าไหร่ หลายล้านครัวเรือนนะครับ รายได้น้อย กว่า 2 ล้าน แน่ะ ในปัจจุบันนะครับ เราก็ไปดูเรื่อง บ้านพัก–อพาร์ทเม้นท์–แฟลตดินแดง– ชุมชนริมคลอง ก็ทำให้ทั้งนั้น เป็นระยะเริ่มแรก ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด บ้านพักข้าราชการด้วยนะครับ เพื่อการสวัสดิการต่างๆ มันต้องค่อยๆ เริ่มไปนะครับ ถ้าเราเอาทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ ในสลัม หรือในที่ที่ไม่น่าจะอยู่ ขึ้นไปอยู่บนแฟลต บนตึกได้ มันก็ดีเหมือนต่างประเทศเขาทำอ้ะนะ มันก็น่าจะดีกว่าอยู่แบบเดิม คุณภาพชีวิตมันไม่ได้ไง (7) การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การปฏิรูปการศึกษา – การพัฒนาครูหลักสูตร นักเรียน ระบบการศึกษา – ยกระดับอาชีวะศึกษา วันนี้ก็มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา แล้วก็ดูแลเรื่องการศึกษาด้วย 1 บริษัท : 1 อาชีวะ อะไรทำนองนี้ ก็ทำทั้งหมด มีการทำสัญญาร่วมกัน มีการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ จัดตั้ง ศูนย์การศึกษาต่างๆ การวิจัยพัฒนา ที่มาจากภาคอุตสาหกรรมด้วย ทางด้านการศึกษาก็มีด้วย ของรัฐก็มีด้วย นะ วันนี้ต้องระดมทั้งหมด เพราะเราไม่สามารถจัดหาเงินทั้งหมดไปให้การวิจัย และพัฒนาได้มากอย่างที่ทุกคนต้องการก็ต้องผสมผสานกันแบบนี้แหละครับ มันจะได้ไม่ซ้ำซ้อน (8) การตั้งศูนย์ดำรงธรรม ขึ้นมา 2 ปีครึ่ง ก็แก้ปัญหาต่างๆ ไปเยอะนะครับ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นล้านๆ เรื่องนะ ก็แบบเบ็ดเสร็จแหละนะ แก้จุดเดียว ก็ทั้งคสช. ทั้งข้าราชการก็ลงไปแก้ ทันที ถนนหนทาง ในท้องถิ่น ที่ไหนมีปัญหา ผมก็ดูจากข่าวทีวี หนังสือพิมพ์ ผมก็สั่งการลงไป เขาก็ลงไปทำให้ บางครั้งมันก็ติดเรื่องงบประมาณ ติดโครงการที่มันยังไม่ผ่านการทำ EIA เหล่านี้ มันมีทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็กนะ อันนี้คือถนนหนทาง แต่ขนาดใหญ่ หลายอย่างมันติด EIA ทำไม่ได้ ประชาชนไม่ยินยอม ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ก็มีผลกระทบจากสิ่งที่ไม่ได้ทำ ก็ต้องไปหาทางทำให้ได้ นะครับ หลายๆ เรื่อง (9) การลดความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย เราก็ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม อย่างเท่าเทียม มีกองทุนยุติธรรม, การติดตามและดูแลการคืนสู่สังคม (ของผู้พ้นโทษ) – การดูแลผู้ต้องโทษเด็ก – สตรี ( “โครงการกำลังใจ”ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา)มาทำพระราชทานด้วยในขณะนี้นะ (10)การส่งเสริมกลไกในการสร้างความเข้มแข็งในระดับ “ฐานราก –ชุมชน” ได้แก่ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จำกัด, วิสาหกิจชุมชน, “1 ธุรกิจ – 1 ตำบล” และการปรับปรุงระบบสหกรณ์ ซึ่งบางอย่างมันค่อนข้างจะไม่มีประสิทธิภาพนะ ก็ต้องปรับตัวกันด้วยนะครับ (11) การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การสร้างห่วงโซ่คุณค่า –การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อหารายได้เข้าประเทศ นะครับ (12) การประมูลรถไฟฟ้า/รถไฟ หลายสิบปีทำไม่ได้ วันนี้ทำได้เยอะแล้ว นะครับ วันนี้ก็เลยทำให้ทุกอย่างมันประดังประเดมาอยู่ตอนนี้ไง รถก็ติดเวลาก่อสร้าง แล้วผมถามว่าที่ผ่านมาทำไมไม่สร้าง ทยอยสร้างมามันก็ไม่ติดแบบวันนี้หรอก ต้องเข้าใจสิครับ ท่าต้องการวันนี้ท่านก็ต้องลำบากวันนี้ก่อน วันหน้าท่านก็สบาย ถ้าเอาวันนี้สบายวันหน้าก็ต้องลำบาก คิดเอานะ เรื่องรถไฟฟ้าไทย/จีน ก็มีการเดินหน้าพูดคุยเจรจา ก็ทำอย่างระมัดระวัง นะ เราก็เป็นมิตรกันอยู่แล้ว อย่าคิดว่าเราไปเอื้อประโยชน์ให้เขา ทุกอย่างมันต้องเป็นธรรมนะ เรื่องการปรับปรุงรถไฟเดิม มันก็จำเป็นต้องทำ ต้องซ่อม ซื้อใหม่ก็ซื้อ ซ่อมก็คือซ่อม อย่ามาตีกันทั้งหมด ว่ารัฐบาลนี้ไม่เห็นทำอะไร เอารถไฟเก่ามาซ่อมอย่างเดียว ผลงาน ท่านไม่เคยดูอะไรเลยนะเวลาเขียนออกมา มันก็ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน เรื่อง การปรับปรุง ขสมก. ไอ้เรื่องทุจริตก็ทุจริตไป มันรับไม่ได้ก็รับไม่ได้ รับได้คือรับได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกันน่ะ กฎหมายว่าไงก็ไปว่ากัน มีหน่วยงานรับผิดชอบอยู่แล้ว (13) เดินหน้าโครงการถนน–มอเตอร์เวย์ วันนี้เราต้องเชื่อมต่อให้ได้นะครับ มีการขยายโครงการเดิม ตัดเส้นทางใหม่ แก้ไขปัญหาจราจร ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มันต้องสร้างสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ขึ้นมา เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนในประเทศสะดวกสบายขึ้น ขนส่งได้ดีขึ้น สัญจรไปมาได้ง่ายขึ้น รถไม่ติด ต่างประเทศก็อยากจะมาลงทุน เพราะเครือข่ายโลจิสติกส์เราดี (14) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ICT และ Digital วันนี้ก็หลายอย่างก็เป็นช่องทางในการแจ้งข่าวสารของทางรัฐบาล ถึงพี่น้องประชาชน ผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งแผนบริหารจัดน้ำน้ำก็มีนะ ในเรื่องของระดับน้ำแต่ละวันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร สภาพอากาศ เปิดดูด้วยนะครับ แล้วข้อมูลทีทางราชการ ทางรัฐอยากจะให้ทราบก็อยู่ในเว็ปไซต์นั่นแหละครับ หรือไม่ก็อยู่ในโทรศัพท์นั่นแหละเปิดหาเอา ถ้าไม่สนใจ แล้วจะมาบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นทำอะไร มันก็ไม่ถูกนะ ฝากสื่อทุกสื่อช่วยไปเปิดดูด้วยนะครับ ถ้าเปิดดูก็จะรู้ เอาอันนั้นมาติผมดีกว่าไปคิดเอาเองแล้วมาติผม เช้าตื่นมาแล้วก็คิดเอาแล้วมาติผม ไม่เอานะ ไปอ่านพวกนี้มาแล้วก็ดูที่ผมทำไปแล้ว สงสัยถามมา ผมตอบได้หมดแหละ ไม่ดีก็ติติงมา ผมก็แก้ไขให้ เท่านั้นเอง บ้านเมืองมันก็ไม่วุ่นวายนะ กลับมาที่สื่ออีกแล้ว ผมไม่ใช่ศัตรูท่านก็แล้วกัน แต่ท่านอาจจะมองผมเป็นศัตรูก็แล้วแต่ไป นะ เรื่องการส่งเสริมการแข่งขันการทำธุรกิจในประเทศการประกอบธุรกิจ การท่องเที่ยว เหล่านี้ ต้องพัฒนาหมด เราทำไปตั้งเยอะแล้วนะครับ แก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ก็เห็นว่ารายได้เข้าประเทศมีจำนวนมากขึ้น แล้วก็ไทยเป็นประเทศที่ทุกคนอยากจะมาเที่ยว ในช่วงนี้ อย่าทะเลาะกันก็แล้วกัน นะ (15) การจัดการประมูล 4 G วันนี้ก็เรียบร้อยไประดับหนึ่งแล้ว มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ก็ลองเปรียบเทียบดูแล้วกัน สมัยก่อนทำได้ประมาณ 4 หมื่นมั้ง วันนี้เราทำได้เป็นแสนล้าน จากการประมูลเหมือนช่วงที่ผ่านมา วันนี้เราทำได้เป็นแสนล้าน นี่ไงทำให้มันโปร่งใส มีการแข่งขันที่เป็นธรรม สู้กันด้วยราคา ด้วยสิ่งตอบแทนกับประชาชน ก็ไปดูสิครับ มีความแตกต่าง (16) กฎหมายการค้า– กฎหมายอำนวยความสะดวก– กฎหมายเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารภาครัฐ ซึ่งมันจะเป็นช่องทางการเรียนรู้ และให้ทุกคนได้รับทราบ เพื่อจะลดปัญหาการทุจริต โครงการทุกโครงการน่ะมันจะแพร่ไปอยู่ในเวปไซต์ ลองไปดูสิครับทุกจังหวัด แล้วก็ไปตามดูก็แล้วกันว่าตรงไหน ที่มันทุจริต แล้วมีหลักฐานมาก็ฟ้องร้องขึ้นมา ก็จะดำเนินการให้ ขณะเดียวกันหน่วยงานราชการเขาก็ไปตรวจกันอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าวันนี้รัฐบาลนี้ไม่ได้รับการตรวจสอบ ตรวจสอบทุกวันนะครับ ก็เห็นมั้ยมีฟ้องศาล เนี่ยวันนี้เขาก็ฟ้องนายกรัฐมนตรีอยู่ ฟ้องรองนายกฯ ฟ้องใครอีก 6-7 คน "อย่าไปเขียนแบบนั้น เขียนว่ารัฐบาลนี้ไม่มีการตรวจสอบ ต่างชาติเขาดูแล้วเขาจะรู้สึกยังไง เขาก็ไม่ไว้ใจ วันนี้ผมถูกฟ้องไม่รู้กี่คดีแล้วนี่ ทั้งๆที่ผมไม่ควรจะถูกฟ้องนะ ก็แล้วแต่นะครับ ช่วยกันคิดว่าผมทำเพื่อใครก็แล้วกัน" เพราะฉะนั้นก็ต้องส่งเสริมขีดความ สามารถในการแข่งขัน เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ให้ง่ายต่อการลงทุน ถ้าบอกว่าไม่ให้อะไรเขาเลย แล้วเขาจะมามั้ยล่ะครับ เขาไม่มาแล้วรายได้มันจะเพิ่มมั้ย คิดแบบนี้นี่หลักคิด นะ แต่ก็ไม่ได้ว่าให้เขาไปเลย จนกระทั่งประเทศไทยสูญเสียทรัพยากรไปหมด มันไม่ใช่ เป็นการเช่า ห้วงเวลามันมีอยู่ ในช่วงนั้นผลตอบแทนมันก็ต้องกลับมาสู่คนไทย (17) การปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้เกิดความเท่าเทียม มีมาก บริโภคมาก ใช้มาก ก็มีขีดความสามารถในการเสียภาษีสูง นะครับ ในส่วนที่มีรายได้น้อย บริโภคน้อย ก็อาจจะไม่เสียภาษี หรือว่าเสียภาษีต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ แต่ถ้าเขาใช้แบบฟุ่มเฟือย เขาก็ต้องไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเองนะครับ ถ้ามองอย่างนี้มันจะไม่ขัดแย้ง ทั้งคนรายได้มาก รายได้ปานกลาง รายได้น้อย มันมีหลักการของมันอยู่แล้ว อย่ามาตีกัน (18) ระบบงบประมาณใหม่ วันนี้ก็ทำ ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาหลายสิบปีแล้ว วันนี้ทำใหม่ทั้งหมด มีการบูรณาการแยกงบประมาณออกมา อันไหนฟังก์ชั่น อันไหนงบประมาณ ที่จะต้องบูรณาการไม่ซ้ำซ้อน หลายหน่วยงานก็มาคิดร่วมกัน ให้มีประสิทธิผลมากขึ้น (19)การบริหารราชการ ก็มีการแบ่ง “งบฯ พัฒนา” ออกไปในกรอบของ 6 ภูมิภาค ไปคุมดูสิว่า 6 ภูมิภาคมันจะโตยังไง จากนั้นก็ลงไปสู่ 18 กลุ่มจังหวัด ไปสู่ 76 จังหวัด กระจายออกไป แล้วเราก็มีการทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มขึ้นตามจังหวัดชายแดน 10 จังหวัดเพื่อให้เกิดเป็นเครือข่ายทางด้านเศรษฐกิจ และรวมความไปถึงโครงการขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกอ้ะนะ ( EEC ) ที่เปิดตัวไปเมื่อวันก่อนนี้ (20) ระบบการเงินการคลัง เราก็จัดระเบียบใหม่ นะครับ จัดทำกฎหมายใหม่ เช่น มีการทำพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐใหม่, พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อจะช่วยป้องปรามการทุจริต แน่นอนครับอยู่ที่คนน่ะแหละ กฎหมายนั้นบังคับใช้ให้ดีแล้วกัน ให้เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ เราก็จะได้มีการใช้จ่ายงบประมาณที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลดความขัดแย้ง (21) กฎหมายเพื่อสังคม(ยาเสพติด + ทุจริต) – กฎหมายตามพันธสัญญาระหว่างประเทศ (IUU + ICAO) เป็นร้อยฉบับนะทำออกมา กว่าจะสำเร็จนะครับ (22) พระราชบัญญัติป้องกันภัยแห่งชาติ ที่ครอบคลุมภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศ ในวงรอบปี ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ ที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ ของประชาชนทุกกลุ่ม เหล่านี้ก็ทำใหม่ทั้งหมด ผลิตออกมาเมื่อปี 2558 เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาภาคใต้จึงเร็วขึ้นไงเพราะมีพรบ.ตัวนี้ออกมา รู้งาน รู้หน้าที่ รัฐบาลก็ไปกำกับดูแลส่วนหน้า ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค มันก็เร็วขึ้นไง ไม่ซ้าซ้อน (23) การบูรณาการศูนย์ข้อมูลน้ำและการพยากรณ์อากาศ วันนี้เรามีกว่า 30 หน่วยงาน นี่งานที่ 23 ของเรา เช่น มีทั้ง สสวท. และ ศูนย์เมขลา และหน่วยงานที่อยู่ภายในกระทรวง ภายในหน่วยงานอื่นๆ อีก ในพื้นที่ ในท้องถิ่น เยอะแยะไปหมด วันนี้เราบูรณาการได้หมดแล้ว แล้วก็มีเปิดให้ดูในโทรศัพท์ได้ด้วย ลองหาดูแล้วกัน (24) การจราจรและการป้องกันอุบัติภัยทางถนน ก็คิดแนวทางวิธีการ ในการที่จะลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ก็ต้องไปดูทั้งคนขับ ดูทั้งรถ ดูทั้งบริษัท ข้อสำคัญประชาชนทุกคนก็ต้องร่วมมือกันด้วย รักษาตัวเองให้ได้ อย่าไปขับรถเร็ว ทำนองนี้ มันก็เกิดอุบัติเหตุทั้งหมดนั่นแหละ รัฐบาลก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้อย่างเดียวคือบังคับใช้กฎหมาย ฉะนั้นทุกคนต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ (25) e-Ticket (“ใบสั่งแบบอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อลดปัญหาจราจร และอุบัติเหตุ) ที่เขาแก้ปัญหาจราจรได้ในระดับหนึ่ง (26) การจัดระเบียบบ้านเมือง– จัดระเบียบสังคม –ชายหาด–สถานบริการ–แหล่งท่องเที่ยว ก็จัดไปแล้ว ยังไม่ครบหมดหรอกนะครับ หลายอย่างก็ หลายคนก็ต่อต้านอยู่เหมือนกันนะ แต่มันดีขึ้นนะ ที่ทำไปแล้วเขาก็พอใจ (27) การกวาดล้างยาเสพติด วันนี้ก็หลายคดี นะ คดีใหญ่ๆ ทั้งนั้นที่จับกุมได้ ถ้าไม่นึกถึงว่า ไอ้ที่จับไม่ได้อีกเท่าไหร่ล่ะ ก็ต้องช่วยกัน เป็นหูเป็นตา เฝ้าระวัง แจ้งข่าว อะไรเหล่านี้ ไม่ต้องไปกลัวคนเหล่านี้ เราก็จะจับกุมได้เอง นะ (28) การดำเนินคดีที่สำคัญๆ ในอดีต ที่ปล่อยปละละเลย ละเว้น ก็ให้มีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นะ ตามกฎหมายปรกตินั่นแหละ ผมไม่ได้ไปสั่งโน่นนี่ให้เอาเข้าไป ก็ต้องทำเท่านั้นเอง ที่ผ่านมา บางอย่างมันไม่ได้ทำ เพราะไม่ได้ให้เขาทำ วันนี้ผมให้ทำหมด นะ (29) การจำนำข้าว การเบิกจ่ายเงินค้างชำระ การระบายข้าว ทั้งหมดเหล่านี้ กำลังดำเนินการอยู่ทั้งหมด นั่นคือปัญหาของประเทศเราที่ผ่านมาด้วย จะผิดจะถูกเป็นเรื่องของศาลโน่น ไปว่ามา (30) คดีทุจริตต่างๆ หลายคดีนะครับที่ ไม่เป็นคดีอ้ะ ผมก็แปลกใจเหมือนกัน หลายอย่างมันมีความบกพร่อง จะต้องไปหาวิธีการมาในการที่จะต้องนำเข้ากระบวนการยุติธรรมให้ได้ เพราะมันจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ นะ หรือในวงการระบบกรเงินการคลังของประเทศ อะไรก็แล้วแต่ต้องไปหาดูนะ (31) เราจะต้องมีการปฏิรูปเรื่องของศาสนาด้วยนะครับ ปฏิรูปง่ายๆ ก็คือทุกคนกลับมาใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางในการครองตนครองเรือนก็แค่นั้นเอง พระก็จัดระเบียบของตนเองให้เรียบร้อย นะครับ ให้เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนโดยทั่วไป ขจัดคนที่อยู่ในวงการพระที่ไม่ดี นะ เอาออกไป เพราะฉะนั้นมันต้องมีหลักฐาน มีการทำงานทั้งหมด ในเชิงที่ต้องบูรณาการกันทั้งฝ่ายฆารวาสกับพระด้วย (32) พ.ร.บ.สงฆ์ ก็มีการแก้ไข แล้วก็ทูลเกล้าฯ ขึ้นไปเสนอรายชื่อจนเราได้มีสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ในปัจจุบัน นะครับ (33) การแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตดีขึ้นทางสังคม ทางเศรษฐกิจ สร้างสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ วันนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าอยู่ทั้งหมดนะครับ (34) การปรับปรุงเรือนจำ และการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม (35) การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจ–การปฏิรูปตำรวจ การปฏิบัติตามขั้นตอน และกระบวนการคดีต่างๆ การสอบสวนต่างๆ ก็กำลังปรับปรุงอยู่ทั้งหมด นะครับ แล้วก็ผลการจับกุม – การดำเนินคดี มันก็มากขึ้น ไปเรื่อยๆ ตามลำดับ ให้กำลังใจคนดีเขาบ้าง เรื่องสุดท้ายเรื่องปรองดอง ทุกคนก็รู้อยู่แล้วนะ ปรองดองอย่างไร ทำไมต้องไปปรองดองให้กับคนบางคน คนบางกลุ่ม ปรองดองให้กับตัวเราเองไม่ดีกว่าหรือ ให้ประเทศชาติ ถ้าทุกคนคิดแบบนี้มันก็ไปได้หมด อย่าไปคิดแทนคนอื่น ปรองดองให้เขาเขาจะยังงี้ ก็เขาทำอะไรขึ้นมาล่ะ เขาทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ทำผิดกฎหมายก็ต้องรับกฎหมาย วันหน้าก็ให้อภัยกันอยู่แล้ว อย่าให้เราต้องมาบังคับกันเลย เรื่องการปรองดอง หันหน้า เข้าหากัน จับเข่าคุยกันรัฐ– ประชาชน –เจ้าหน้าที่ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องเข้ามาคุยกัน แล้วทำยังไงเราจะปรับปรุงตัวเอง ให้ได้ ถ้าทุกคนปรับปรุงตัวเองได้หมด มันก็ดีหมดอ้ะนะ รัฐบาลก็ปรับปรุง คสช.ก็ปรับปรุง ท่านก็ต้องยอมปรับปรุงตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่ได้มี “ข้อยกเว้น”ใดใดเลยในการทำงานวันนี้ ผมก็เสี่ยงนะครับ กับกองกฎหมาย กับการตรวจสอบต่างๆ วันหน้า ผมก็คิดว่าเราทำเพื่อแผ่นดินนะ ไม่เป็นไรหรอก ก็ต่อสู้ทางคดีกันไป หลายโครงการที่เราอนุมัติไปแล้วก็ถูก ถามมาจาก สตง. จาก ปปช. จากผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นต้น ก็ตอบกลับไป ชี้แจงกลับไป ถ้าชี้แจงได้มันก็จบ ถ้าชี้แจงยังไม่ได้ก็ไปแก้ไขแล้วรายงานให้ทำงานต่อไปได้ ใครทุจริต ก็ลงโทษ ฟ้องศาล ดำเนินคดี ก็มีอยู่แค่นั้นแหละ แล้วจะไม่ถูกตรวจสอบได้อย่างไรล่ะ ผมไม่อยาก ให้ทุกคนมากล่าวอ้างว่าตรงโน้นตรงนี้ทุจริต ท่านยังไม่รู้เรื่องเลย ก็ทุจริตตามไปหมด ก็เขาตรวจสอบอยู่ รอผลการตรวจสอบเขาโน่น ก็อย่าไปบิดเบือนนะครับว่าเราไม่มีการถูกตรวจสอบเรื่องทุจริต ตรวจวันนี้พบวันนี้ก็ลงโทษวันนี้นะ พบภายหลังก็ตรวจสอบ สอบสวนภายหลัง ทุกอย่างมันทำได้หมดแหละ กฎหมายคือกฎหมาย ก็อยากฝากข้อคิดสุดท้ายนะครับ ก็คือ เรื่องการสร้างความเข้าใจในกระบวนการประชาธิปไตย มันต้องมีกรอบของรัฐ ของประชาชน ของปวงชน เมื่อใดก็ตามที่กฎหมายถูกละเมิด แล้วรัฐควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ประชาชนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกกฎหมายที่มีอยู่ แสดงว่าประชาธิปไตยเราเวลานั้นมีปัญหา มันกำลังไปสู่อนาธิปไตย และเราจะทำอย่างไร ที่จะไม่ไปถึงจุดนั้น รัฐ – ประชาชน – ปวงชน ต้องหาจุดพอดีให้ได้กฎหมายเขามีเส้นแบ่งอยู่แล้วเมื่อใดก็ตาม ที่รู้สึกว่าเราจะทำเกินเลยไป ต้องหยุด รัฐบาลต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ แก้ปัญหาให้ได้ โดยจะต้องไม่ให้ใครเดือดร้อน ต้องอยู่ในกรอบของสิทธิ – เสรีภาพ ในกรอบของประชาธิปไตย ซึ่งจะต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น การประท้วง การสร้างความวุ่นวาย มันก็เกิดทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ผมก็อยู่ด้วยตลอด ก็ประท้วงกันไปมานั่นแหละ อย่ามาโทษว่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งเลย ผมอยู่ตรงกลาง ผมเห็นทั้งคู่ แต่ฝ่ายใดที่ทำความเสียหายให้กับรัฐ ให้กับสถานที่ราชการ ให้กับศาล มันก็จำเป็นที่ต้อง มีการใช้เจ้าหน้าที่คอยดูแลนะ แต่ถ้าประชาชนต่อประชาชน ก็ต้องไปแก้ไขตรงโน้น รัฐบาลก็ต้องแก้ ก็ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน ต้องไม่ใช้อาวุธ ถ้ามันหยุดได้ตรงนั้นพอดีก็สามารถใช้กระบวนการประชาธิปไตยปกติ ในการแก้ไขปัญหาได้ และทุกฝ่ายยอมรับ มันมีกลไกของสภาผู้แทนราษฎร มีไปสู่การเลือกตั้ง การตั้งรัฐบาลใหม่ เหล่านี้เป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย ที่ผ่านมามันไม่เป็นอย่างนี้ไง ก็ขัดแย้งกันไปกันมา ประท้วง บานปลายไปสู่ใช้อาวุธ และท้ายสุดก็ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ จะให้ทหารไปปราบฝั่งโน้น ฝั่งนี้ มันไม่ได้หรอก ไอ้ที่ทหารเขาออกมาครั้งก่อนโน้นเพราะว่าใครล่ะครับยิงเข้าวัด ยิงเข้าสถานที่ราชการ ยิงเข้าคลังน้ำมันไปหาเอาเองนะ ฉะนั้นวันนี้ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลายถึงวันนั้นอีกนะครับ ที่ผมพูดเนี่ยไม่ต้องการที่จะไปเป็นอุปสรรคต่อการปรองดองนะ ผมพูดให้คนคิด ให้เข้าใจ แล้วก็แก้ไขกันซะ อย่าให้เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นรัฐบาล ปวงชน ประชาชน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะครับ ทหารเราเข้ามานั้นเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ที่มันลุกลามไปแล้ว ไปสู่การจลาจล ไปสู่การใช้อาวุธ มีการบาดเจ็บ สูญเสีย เราถึงต้องเข้ามา ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วยนะครับ ขอบคุณนะครับ ขอให้ “ทุกคน” มีความสุข ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ นะครับ วันนี้ก็พยายามฟังหน่อย เพราะผมพูดเร็วนะครับ หลายๆ เรื่องมันจำเป็น นะ ขอขอบคุณและขอโทษ ถ้าหากว่า ไม่เข้าหูใครนะ ขอโทษ / สวัสดีครับ