" โฆษกอัยการ " ชี้ ดีเอสไอ วางมาตรการ ให้พระ-มวลชนไม่เกี่ยวข้องพ้นวัด ลดความเสี่ยงการปะทะ สะดวกตรวจค้น คดีมีอายุความ 15 ปี พระ-ฆราวาส ขัดขวางจนท.ต้องรับผิดภายใต้กม.เดียวกัน เมื่อวันที่ 19 ก.พ.นี้ เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงขอให้พระภิกษุ สามเณร และประชาชน ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่วัดธรรมกายภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการเข้าตรวจค้นวัดเพื่อติดตามตัวพระธัมมชโย ตามหมายจับว่า ดีเอสไอ พยายามที่จะติดตามหาตัวพระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ภายในอายุความ 15 ปี นับจากวัดเกิดเหตุ ( ปี พ.ศ.2552) ตามที่มีการออกหมายจับไว้ ทั้งการตรวจค้นภายในวัด กับพื้นที่ ซึ่งมีข้อมูลว่า พระธัมมชโย อาจพำนักอยู่ แต่เนื่องจากมีมวลชนจำนวนมาก กับพื้นที่กว้างใหญ่ ย่อมเป็นอุปสรรคและความยุ่งยากที่ไม่อาจตรวจค้นได้โดยรวดเร็ว ดังนั้นการที่อธิบดีดีเอสไอ ใช้มาตรการเหล่านี้ออกมาเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ลดความเสี่ยงการปะทะให้มากที่สุด โดยใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.และ มาตรา 44 ที่ประกาศ ให้วัดธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ แม้หากครั้งนี้ ยังตามตัวไม่พบคดีก็ยังไม่ยุติ ซึ่งในอนาคตก็สามารถขอหมายค้นได้อีกหากมีเบาะแสใหม่ ส่วนระหว่างจะทำการตรวจค้น หากมีการปะทะกัน ลักษณะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ไม่ว่าพระภิกษุ หรือฆราวาส ต้องอยู่ภายใต้การบังคับกฎหมายเดียวกันซึ่งมีโทษตามที่กำหนดไว้ในการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และประมวลกฎหมายอาญา ฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน