สาวร้อยเอ็ด ร้องถูกเชิดเงิน- เชิดรถ หลังถูกเพื่อนสนิทหลอกเอารถไปจำนำไว้กับคนมีสี ก่อนพบโผล่ที่อุดรธานี เจ้าตัวลั่นไม่คุย ไม่เคลียร์ ขอดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 2 ต.ค.2562 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.อรุณฉาย อุนาศรี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 ม.3 ต.หนองขุ่นใหญ่ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในเขต จ.ขอนแก่น นำเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติม มาส่งมอบให่้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ตามการนัดหมายของเจ้าหน้าที่หลังได้เข้าแจ้งความเอาผิดเพื่อนสาวในข้อหาลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ น.ส.อรุณฉาย กล่าวว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.อ้อ (นามสมมติ) อายุ 34 ชาว อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา และในวันนี้ได้นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน ทั้งนี้เหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก น.ส.อ้อ ได้เช่าตึกของตนเอง ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 199/11 ถนนรอบเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทำการเปิดเป็นร้านค้าจำหน่ายเสื้อผ้าออนไลน์ จึงมีความสนิทสนมกัน ต่อมา น.ส.อ้อ ได้ชักชวนให้ร่วมลงทุนจำหน่ายเสื้อผ้า จึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วยเงินสด จำนวน 100,000 บาท โดยมอบหมายให้ น.ส.อ้อ ทำการจัดหาเสื้อผ้ามาจำหน่าย ตามที่ตกลงกันไว้ จากนั้นไม่นาน น.ส.อ้อ ก็บอกว่า น้ำท่วม เสื้อผ้าเปียกฝน ทำให้ขายไม่ได้และขาดทุน จึงอยากแก้ตัวใหม่ "แต่ในครั้งที่สอง ที่ น.ส.อ้อ ชวนร่วมทุน เป็นการซื้อชุดกีฬามาขาย แต่ไม่มีเงินทุน โดย น.ส.อ้อ แนะนำทางออกว่า ตนเองนั้นมีรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ทะเบียน กจ-4990 ร้อยเอ็ด จึงแนะนำว่าเงินลงทุนครั้งที่ 2 ถ้าไม่มี ให้เอารถไปจำนำกับนายทุนเงินกู้ โดยจอดรถไว้เพียง 2 วัน เท่านั้น เมื่อขายสินค้าได้ ก็ไปไถ่ถอนรถคืนมา จึงตกลง ก่อนที่ น.ส.อ้อ จะพาขับรถยนต์ไปหานายทุนเงินกู้ ชื่อนายชู ซึ่งเป็นสารวัตรทหาร อยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยได้ไปพบกันที่ บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลเมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อนายชู เห็น จึงตีราคาการจำนำที่ 70,000 บาท ก่อนที่มีการโอนเงิน เข้าบัญชี น.ส.อ้อ" น.ส.อรุณฉาย กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่นายชู โอนเงินให้กับ น.ส.อ้อ แล้ว ก็เงียบหายติดต่อไม่ได้ จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งเลยเวลาไถ่ถอนรถคืนจากนายทุน น.ส.อ้อ ก็ยังไม่กลับที่ร้าน ทั้งยังติดต่อไม่ได้ จึงสอบถามไปยังนายทุนก็ได้รับคำตอบว่า น.ส.อ้อ ได้มาไถ่ถอนรถคืนไปแล้ว จึงพยายามติดต่อ พร้อมกับให้เพื่อนๆช่วยตามหา จนทราบว่า น.ส.อ้อ นำรถไปจำนำต่อกับนายทุนเงินกู้นอกระบบที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี จึงได้พยายามติดต่อกับนายทุนรายดังกล่าว ซึ่งนายทุนแจ้งว่า น.ส.อ้อ เอารถไปจอดจำนำไว้ในราคา 98,800 บาท จึงตัดสินใจรวบรวมเงินและ ติดต่อนายทุนที่อ.กุมภวาปี อีกคัร้งเมื่อวันที่ 14 ก.ย. เพื่อขอไถ่ถอนรถคืน นายทุนจึงให้โอนเงินจำนวน 98,800 บาท เข้าบัญชีเลขที่ 0578328335 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี น.ส.วัชรี บุพพิ ซึ่งนายทุนย้ำว่า โอนเงินแล้วไม่เกิน 3 ชม.จะได้รับรถคืนไป จึงนัดรับรถที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งในเมืองขอนแก่น " แต่เมื่อโอนเงินให้แล้วเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น ก็ยังไม่มีใครนำรถมาส่งให้ และพยายามติดต่อนายทุน ก็ติดต่อไม่ได้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีตำรวจติดต่อมาว่า น.ส.วัชรี บุพพิ เจ้าของเลขบัญชีที่ โอนเงินเข้าให้นั้น เป็นพนักงานในบ่อนบาคาร่า เจ้าของบ่อนจะเอาเงินจำนวน 98,800 บาทคืนให้และขอจบเรื่องนี้ เราได้ยินแล้วก็ตอบกลับไปว่า จะคืนเงินหรือจะคุยอะไร ให้มาคุยต่อหน้าพนักงานสอบสวน จะไม่มีการคุยข้างนอก ซึ่งตำรวจก็ตอบกลับมาว่า เจ้าของบ่อนบาคาร่าไม่คุย จึงเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำกันเป็นขบวนการ" น.ส.อรุณฉาย กล่าวในตอนท้ายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันชัดเจนว่าจะไม่คุย ไม่รับเงินคืน และ ให้พนักงานสอบสวน ประสานชุดสืบสวน ทำการสืบสวนสอบสวน เอาตัวผู้ที่มีส่วนรู้เห็นละร่วมกันยักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์ และร่วมกันโกง มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตามหลังจากตัดสินใจเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี เริ่มมีบุคคลต้องสงสัยติดตามดูความเคลื่อนไหวของตนเองและครอบครัว ทั้งขับรถยนต์ตามบ้าง ขับรถจักรยานยนต์ตามบ้าง จึงทำให้ครบอครัวเชื่อได้ว่าคนที่เฝ้าติดตามนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด จึงนำหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนและขอแจ้งลงบันทึกประจำวันเพิ่มเติม เพื่อให้เจ้าห้นาที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินการตามขั้ตอนของกฎหมายต่อไป