ปัจจุบันผู้หญิงมีปัญหาสุขภาพในระบบอวัยวะสืบพันธุ์มากขึ้น และพบตั้งแต่อายุน้อยไปจนถึงอายุมาก ไม่ว่าจะเป็น ช็อคโกแลตซีสต์ การเกิดถุงน้ำหรือเนื้องอกในรังไข่ และเนื้องอกในมดลูก ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้หญิงประสบปัญหามีประจำเดือนมาผิดปกติ เลือดออกเป็นลิ่ม และประจำเดือนมาเป็นระยะเวลานานร่วมกับปวดท้องมากผิดปกติ รวมถึงผู้หญิงที่ยังไม่มีบุตรก็จะทำให้มีบุตรยาก ศ.นพ.แสงชัย พฤทธิพันธุ์ สูติ-นรีแพทย์โรงพยาบาลพระรามเก้ากล่าวว่า เนื้องอกในมดลูกพบได้มากที่สุด สตรี 1ใน3คน จะพบเป็นเนื้องอกในมดลูก แต่ใช่ว่าเป็นเนื้องอกแล้วทุกรายต้องตัดมดลูกออก หากเนื้องอกมีขนาดเล็ก และไม่มีภาวะแทรกซ้อนอาจไม่ต้องผ่าตัด เพียงเฝ้าติดตามดูอาการและนัดตรวจเป็นระยะๆ แต่ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่ หรือทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ เลือดออกมาก จนทำให้ผู้ป่วยโลหิตจาง ซีด ขาดเลือด หรือไปกดทับอวัยวะข้างเคียง ทำให้อวัยวะดังกล่าวที่อยู่ข้างเคียงทำงานผิดปกติ เช่น เนื้องอกไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ แต่สำหรับผู้ป่วยที่ยังต้องการมีบุตรสามารถเลือกที่จะผ่าเอาเฉพาะก้อนเนื้องอกออกได้ และเก็บมดลูกส่วนที่ดีไว้เพื่อตั้งครรภ์ ปัจจุบันการผ่าตัดมดลูกหรือก้อนเนื้องอก ทำได้โดยผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางช่องท้อง ซึ่งผู้ป่วยจะเจ็บน้อยเมื่อเทียบกับผ่าตัดแบบเดิมที่ต้องเปิดหน้าท้องกว้าง 10-15 ซม. เสียเลือดจากผ่าตัดน้อย และใช้เวลาพักฟื้นเพียง 2-3 วัน ก็สามารถกลับไปทำงานได้ปกติ แผลหลังผ่าตัดมีขนาดเล็ก เพราะผ่าตัดส่องกล้องทางช่องท้องโดยทั่วไปจะเจาะรูเล็กๆ ที่หน้าท้อง 3-4 ตำแหน่ง เพื่อใส่กล้องและอุปกรณ์ผ่าตัดเข้าไปในช่องท้องและผ่าตัดมดลูกหรือเนื้องอก เมื่อการผ่าตัดผ่านไปลุล่วง ผู้ป่วยควรดูแลตนเองในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ขึ้นลงบันไดช้าๆ ไม่ยกของหนัก และงดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 สัปดาห์แรก ผู้ป่วยที่ตัดมดลูกทั้งหมด จะไม่มีประจำเดือนและไม่สามารถมีลูกได้อีก แต่หากไม่ได้ตัดรังไข่ไปด้วย รังไข่จะยังสามารถสร้างฮอร์โมนเพศและตกไข่ทุกเดือน ร่างกายจะยังคงแข็งแรง ผิวพรรณสดใสเพราะฮอร์โมนยังเป็นปกติ ความรู้สึกทางเพศโดยทั่วไปไม่เปลี่ยนแปลง สามารถทำงานเบา ๆ ได้ภายใน3– 4วัน และออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด1เดือน