วันที่ 7 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ส.ส. 4 คนโหวตสวนมติพรรค และมติวิปรัฐบาล ว่า ตนได้มอบหมายให้เลขาพรรครับผิดชอบแล้วว่า การจะดำเนินการกิจกรรมใดๆ ของสมาชิกพรรค จะต้องรายงานให้เลขาฯ ทราบ เพื่อประกอบการพิจารณาของเลขาฯ ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามก็ย้ำว่า ในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา จะเดินไปได้รัฐบาลต้องมีเสียงข้างมาก มติของแต่ละพรรคการเมืองจึงมีความสำคัญ ที่จะต้องนำไปหารือกันเพื่อให้ได้มติของวิป และเสียงข้างมากไว้ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสมาชิกพรรคต้องเคารพมติของวิปด้วย ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า การกระทำของส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคนั้น ข้อบังคับพรรคได้กำหนดบทลงโทษอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนมอบหมายให้เลขาฯ เป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งมติพรรคได้คุยกันไปแล้วว่ามติวิปรัฐบาลคืออะไร เมื่อส.ส.ได้ตัดสินใจอย่างไร เลขาฯ ก็จะเป็นผู้นำไปพิจารณาเอง โดยในข้อบังคับพรรคเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งบางเรื่องข้อบังคับพรรค ก็สามารถดำเนินการได้เลย อย่างไรก็ตามการปฏิบัติงานทางการเมืองของส.ส.ทุกคน จะต้องมีเรคคอร์ดที่เลขาฯ จะเก็บรวบรวมไว้ เมื่อถามต่อว่า ผลที่ออกมาจะนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ชัดเจนว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่ จะเข้าร่วมด้วย พรรคประชาธิปัตย์กลัวหรือไม่ที่จะได้รับผลกระทบ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องการปรับครม. หรือจะเอาใครเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ได้อยู่ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นผู้พิจารณา เพราะพรรคเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คงต้องอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือพรรคแกนนำอย่างพรรคพลังประชารัฐ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ขาดเอกภาพจะส่งผลกระทบต่อพรรคในอนาคตหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้คำว่า ไม่มีเอกภาพ แต่แน่นอนว่าการลงคะแนนครั้งที่ผ่านมามีความแตกต่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงส่วนใหญ่มีปัญหา เพราะเสียงที่มีปัญหา เป็นเพียงเสียงส่วนน้อย เมื่อถามว่า นายกฯ ได้เรียกพูดคุยเรื่องการปรับครม.หรือยัง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ เพราะอำนาจการปรับครม. เป็นของนายกฯ ไม่ใช่ของพวกตน ยกเว้นในส่วนรัฐมนตรีของพรรค ดังนั้นการปรับครม. ต้องไปถามพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เพราะตนไม่อยู่ในฐานะจะตอบแทน อย่างไรก็ตามตนได้กำชับในส่วนของครม. 6-7 คนของพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่และเร่งสร้างผลงานให้ปรากฏกับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนที่หลายคนมองว่านโยบายต่างๆ ถูกมองเป็นของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่นั้น นายจุรินทร์ ตอบว่า เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพราะทุกคนรู้หน้าที่ตัวเองดีอยู่แล้ว และรู้ดีว่า นโยบายประกันรายได้ เป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรค แต่เมื่อไปทำหน้าที่ด้วยกัน ก็คงต้องทำในนามรัฐบาล และก็ทำหน้าที่ร่วมกันได้ไม่มีปัญหา เรารู้ดีถึงวุฒิภาวะในการทำงานร่วมกับคนอื่น ทั้งเคยมีประสบการณ์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือฝ่ายค้านก็เคยเป็นมาแล้ว ฉะนั้นวุฒิภาวะของพรรคประชาธิปัตย์ในการทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ต้องเป็นกังวล เราทราบดีว่าต้องทำอะไรอย่างไร แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการลงมตินี้ให้ความสำคัญของเอกสิทธิ์ของส.ส. มากน้อยเพียงใด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “ผมตอบไปชัด และครบแล้ว” เมื่อถามย้ำว่า ถ้าให้ความสำคัญกับพรรคหรือวิป ก็เท่ากับไม่เคารพเอกสิทธิ์ของส.ส. และเท่ากับว่าพรรคกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ นายจุรินทร์ ตอบว่า “ผมตอบไปแล้ว ว่ามันจะต้องมีข้อบังคับพรรค กฎหมายพรรคการเมือง และรัฐธรรนูญ ขอบคุณครับ” จากนั้นนายจุรินทร์ก็ตัดบท ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว และเดินเข้าไปในอาคารที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์