"อลงกรณ์" ชี้ปฏิรูปแก้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมคืบหน้า หลังสนช. และครม.เห็นชอบ ๒ กฎหมายสำคัญ เผยสปท. เตรียมพิจารณาโมเดลเศรษฐกิจใหม่วางอนาคตให้ประเทศ หวังการเมืองช่วยทำให้คลื่นลมสงบ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่หนึ่งมในฐานะคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูป และคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองของป.ย.ป. กล่าววันนี้ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๐) ถึงความคืบหน้าการปฏิรูปว่า การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างและเป็น ๑ ใน ๖ ของเป้าหมายการปฏิรูปประเทศครั้งนี้กำลังคืบหน้าอย่างมีนัยสำสำคัญ ภายใต้ป.ย.ป.โมเดล ได้แก่ ๑.กรณีที่สนช.เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ร่างพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าฉบับใหม่เมื่อ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๐ เพื่อสร้างระบบการค้าที่เสรีเป็นธรรมและป้องกันการผูกขาดตัดตอนทางเศรษฐกิจ ๒.กรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ เป็นการปฏิรูประบบภาษีและการคลังภายใต้ ๒๗ วาระเร่งด่วนของป.ย.ป. เพื่อกระจายการถือครองที่ดินและสร้างฐานรายได้ของการปกครองท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เนื่องจากกลุ่มประชากรชั้นบนร้อยละ ๓๐ ถือครองที่ดินเกินร้อยละ ๙๐ ขณะที่ประชากรที่เหลือร้อยละ ๗๐ มีที่ดินรวมกันเพียงร้อยละ ๙ เท่านั้นโดยเฉพาะเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง และ ๓. กรณีสปท.ได้ผ่านการพิจารณา ๓ วาระปฏิรูปเร่งด่วนเมื่อ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ในด้านการปฏิรูปเครื่องมือพัฒนาฐานรากเพื่อส่งต่อป.ย.ป.ขับเคลื่อนให้เสร็จภายในปีนี้ได้แก่ ธนาคารที่ดิน สถาบันการเงินชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคมพร้อมพ.ร.บ. ๓ ฉบับ และวันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ สปท.จะพิจารณาอีก ๑ รายงานปฏิรูปพลังงาน และ ๒ วาระเร่งด่วนด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจอนาคต ได้แก่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และวาระการปฏิรูปการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อวางรากฐานโมเดลเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศสู่การยกระดับอัพเกรดเป็นประเทศรายได้สูงหลังจากติดกับประเทศรายได้ปานกลางมา ๒๐ ปี การขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศเพื่อคนไทยทุกคนทั้งในวันนี้และวันหน้าโดยต้องทำอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีดังนั้นจะต้องช่วยกันประคับประคองประเทศช่วยกันเสริมสร้างบรรยากาศของความร่วมมือและต้องแยกการเมืองและปัญหารายวันออกจากการเดินหน้าปฏิรูปประเทศและการสร้างความสามัคคีปรองดอง "ยิ่งคลื่นลมสงบมากเท่าใดเรายิ่งนำรัฐนาวาไทยปฏิรูปไปได้เร็ว ขึ้นเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกคน โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่จะทำให้คลื่นลมสงบมากน้อยแค่ไหน ส่วนป.ย.ป.มีหน้าที่ขับเคลื่อนปฏิรูปต่อไปไม่ว่าจะมีคลื่นสูงลมแรงแค่ไหนก็ต้องนำประเทศเดินไปข้างหน้า จะไม่ยอมให้ประเทศถอยหลังหรือกลับไปสู่ปัญหาเก่าๆ" รองประธานสปท. คนที่หนึ่งกล่าวในที่สุด