ผู้ว่าฯพิจิตร สั่งลุยแก้ปัญหาบึงสีไฟ ทั้งๆที่เป็นแหล่งน้ำใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ แต่แท้ที่จริงกลับแห้งแล้ง ในขณะที่กำลังอยู่ในระหว่างขุดลอกก็เกิดปัญหาการขนย้ายทิ้งดินกองเป็นภูเขาเลากา ทำลายทัศนียภาพ ล่าสุดภัยร้อน ภัยแล้ง ส่งผลเกิดเหตุไฟไหม้วัชพืชในบึงสีไฟควันไฟพวยพุ่ง ส่งผลมลภาวะPM2.5ฟุ้งกระจาย วันที่ 28 ก.พ. 2563 นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุไฟไหม้วัชพืชในบึงสีไฟ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือ เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ส่งผลให้เกิดควันไฟพวยพุ่ง ส่งผลมลภาวะ PM2.5 ฟุ้งกระจาย ไปรอบบริเวณบึงสีไฟและพื้นที่ใกล้เคียง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังนำรถบรรทุกน้ำ รถดับเพลิง เข้าดับไฟที่กำลังลุกไหม้ในบึงสีไฟที่เป็นแหล่งน้ำใหญ่กลางใจเมืองพิจิตร แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการขุดลอกขนย้ายดินมากองอยู่รอบๆขอบบึงสีไฟ ทำให้บริเวณดังกล่าวไม่มีน้ำ วัชพืชจึงแห้งตายแล้วเกิดไฟลุกไหม้ ล่าสุด นางรติฬส พ่วงพร้อม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร , นายเขม คงสินชัย ปลัดอำเภอฯ รักษาราชการแทน นายอำเภอเมืองพิจิตร , นายวิมาน สุขขวัญ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง , นางอุมาพร แก้วทอง นายก อบต.คลองคะเชนทร์ , นายพิพัฒน์ โล่ห์เรืองทรัพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองพิจิตร ได้ร่วมกันลงพื้นที่อำนวยการดับไฟที่เกิดเหตุลุกไหม้วัชพืชในบึงสีไฟดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามพนักงานดับเพลิงเล่าให้ฟังว่า ไฟไหม้วัชพืชในบึงสีไฟเกิดเหตุมาตั้งแต่เวลา 04.00 น. รถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองพิจิตรและพื้นที่ข้างเคียง จาก อบต.ท่าหลวง , อบต.เมืองเก่า , อบต.คลองคะเชนทร์ , อบต.โรงช้าง ต่างระดมรถดับเพลิงรถฉีดน้ำเข้ามาดับไฟกันตลอดทั้งวัน แต่การทำงานก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเปลวไฟและควันไฟที่พวยพุ่งส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้เหมือนไฟลามทุ่ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดกับพื้นที่นับร้อยไร่ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดควันไฟที่มีผลต่อมลภาวะทางอากาศ หรือ PM2.5 ที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณรอบๆบึงสีไฟและในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรอีกด้วย ล่าสุดขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวในช่วงเย็นของวันนี้ ( 28 ก.พ. 2563 ) เพลิงก็ยังไม่สงบ ซึ่งทุกหน่วยงานก็พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่แล้วในขณะนี้ สิทธิพจน์ พิจิตร