เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวันนี้ กรณีมีการหารือถึงการผ่อนปรนกฎหมายอะไรในวันศุกร์นี้หรือไม่ ว่า ยังไม่ทราบ เพราะข้อมูลทั้งหมดทุกคนรายงานมาที่นายกฯ ซึ่งท่านจะนำไปตัดสินใจเองเนื่องจากท่านต้องชั่งน้้ำหนักหลายอย่าง และไม่จำเป็นต้องนำเข้าครม. ขึ้นอยู่กับนายกฯ เลย เพราะทุกคนให้ข้อมูลไปแล้ว “การออกมาตรการต่างๆ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่นายกฯ อาจนำมาหารือในที่ประชุมครม.ก็ได้ หรืออาจจะเรียกผู้เกี่ยวข้องบางรายมาหารือก็ได้ ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ” ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข่าวว่ามีความติดขัดในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณเงินช่วยโควิด 30 ล้านบาทของสำนักนายกที่เปิดรับบริจาคที่จะต้องมีการแก้ไขระเบียบเพื่อนำเงินออกมาใช้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น มีแก้แต่เรื่องอื่น ไม่มีเรื่องนี้ เมื่อถามว่าในที่ประชุมวันนี้มีการหารือถึงการขยายพ.ร.ก.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ทั้งนี้หากจะมีการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ จะต้องนำเข้าที่ประชุมครม.ก่อนวันที่ 30 เม.ย.ที่จะครบกำหนด และหากจะเป็นกรณีฉุกเฉิน เร่งด่วน มาตรา 5 ของพ.ร.ฉุกเฉินได้ระบุให้นายกฯ สามารถประกาศไปก่อนโดยไม่ต้องเข้าครม.ก็ได้ จากนั้นค่อยรีบนำเข้าครม.ภายหลัง เพราะถ้าไม่ทันก็ต้องทำเช่นนี้ ซึ่งสามารถบอกกันก่อนได้ ไม่ต้องจู่โจม ที่เขาเขียนว่าประกาศก่อนแล้วค่อยไปขอนั้นเขาหมายถึงกรณีก่อการร้าย ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการห้ามขายสุรา ที่ครบกำหนดวันนี้จะมีการขยายต่อหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกทม.ที่จะพิจารณา แต่รัฐบาลตั้งใจว่า ต่อไปหากจะต้องขยายก็ควรจะปรับให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศเพราะขณะนี้แต่ละจังหวัดคำสั่งไม่เหมือนกันก็เลยอาจจะยุ่ง อย่างการประกาศเคอร์ฟิว รัฐบาลประกาศห้าม 22.00- 04.00 น. แต่ทางกทม.ประกาศ 22.00-05.00 น.เพราะกทม.ประกาศก่อนที่รัฐบาลประกาศ แต่หากมีการทบทวนเรื่องการขยายเวลาการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะขยายกี่วันก็แล้วแต่ ก็ต้องตัดให้เข้ามาสู่ระบบเดียวกันให้หมดเพื่อเลิกก็จะได้เลิกเหมือนกัน ผ่อนก็ผ่อนคล้ายกัน เมื่อถามว่ามีการพูดกันถึงปัญหาความลักลั่นของหน่วยงานอย่างการขนส่งที่จ.ตรัง หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีพูดถึง ซึ่งให้ได้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและผบ.ทสส.ไปช่วยดูด้านนี้ เพราะในความเป็นจริงการขนส่งสินค้าสามารถทำในระหว่างเคอร์ฟิวได้อยู่แล้ว แต่บังเอิญกรณีนี้มีซ้อนกัน 3 ประเด็นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจ คือ1.เป็นการขนส่งในเวลาเคอร์ฟิว 2.ข้ามจังหวัด และ3.ไม่ใช่สินค้าที่เราเข้าใจกัน หรือยกเว้น ซึ่งกรณีอย่างนี้นายกฯ ได้สั่งการแล้วว่า ควรจะมีการผ่อนผัน ผ่อนคลาย หรือให้เขาช่วยจัดระเบียบปรับให้เข้าหลักเกณฑ์ ทั้งนี้โดยหลักแล้วรัฐบาลเอื้อและส่งเสริมให้ทำแบบนี้ เพียงแต่ว่าควรให้เป็นระเบียบแบบแผนหน่อย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการแอบอ้างกันขึ้น คือเอาอะไรขนส่งไปก็ได้ ดังนั้นข้อสั่งการในวันนี้คือพยามไปคลี่คลายให้ดีๆ อย่าใช้อามณ์กัน เมื่อถามถึงกรณีที่มีห้างสรรพสินค้าส่งหนังสือถึงผู้ประกอบการให้เตรียมตัวจะเปิดในวันที่ 1 พ.ค.นี้ จะต้องมีการออกระเบียบอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เพราะยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิกเลย มีแต่ทุกคนรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาให้นายกฯ ฟัง ทั้งเรื่องของหน้ากากอนามัย หรือคนที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว หรือรายงานผู้ติดเชื้อ ฯลฯ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ และอยู่ที่นายกฯ จะตัดสินใจอย่างไร หรืออาจจะเอาเข้าครม.หรืออาจจะเรียกบางกลุ่มมาก็ได้