นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดหนองคาย ลงนามในคำสั่งจังหวัดหนองคาย ที่ 1435/2563 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 เรื่อง มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แจ้งยกเลิกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหนองคาย ฉบับที่ 3/2563 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2563 เรื่อง สั่งปิดสถานที่และกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และประกาศจังหวัดหนองคาย ฉบับที่ 4/2563 ลงวันที่ 10 เมษายน 2563 ฉบับที่ 5/2563 ลงวันที่ 13 เมษายน 2563 ฉบับที่ 6/2563 ลงวันที่ 13 เมษายน 2563 และฉบับที่ 7/2563 ลงวันที่ 16 เมษายน 2563 และแจ้งมาตรการล่าสุด ให้ยึดถือปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 3-31 พฤษภาคม 2563 ประกอบด้วย ข้อ 1 ให้ปิดโรงมหรสพ สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก สวนสัตว์ สถานที่เล่นสเก็ตหรือโรลเลอร์เบรด หรือการละเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน สนุกเกอร์ บิลเลียด สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง หรือตู้เกมร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต สระว่ายน้ำสาธารณะ สนามชนไก่ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดสาธารณะ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ สนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม) สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ สนามม้า สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า และสถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ข้อ 2 การผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างในพื้นที่จังหวัดหนองคายได้ ดังนี้ 1.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในโรงแรม สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหารหรือร้านเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ ให้เปิดได้ โดยนำกลับไปบริโภคที่อื่น แต่หากเปิดให้ใช้บริการในสถานที่นั้นก็สามารถทำได้ โดยต้องจัดระเบียบ การเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ สำหรับร้านอาหารหรือร้านเครื่องดื่มซึ่งจำหน่ายสุรา ให้เปิดได้ แต่ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน 2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธนาคารที่ทำการ หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ส่วนแผนกร้านอาหารให้เปิดได้เฉพาะการนำกลับไปบริโภคที่อื่น 3.ร้านค้าปลีก/ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด ให้เปิดได้โดยต้องควบคุมทางเข้าออก จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ให้และผู้ใช้บริการการเว้นระยะห่าง ในการเลือกสินค้าและการชำระราคา 4.ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรีให้เปิดได้เฉพาะกิจกรรม สระ ตัด ซอยผม แต่งผม และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน 5.โรงพยาบาล คลินิก สถานทันตกรรมหรือสถานพยาบาลทุกประเภท ที่จัดตั้ง โดยชอบด้วยกฎหมาย 6.สนามกอล์ฟหรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟให้เปิดได้ แต่ต้องไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือเป็นการแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮาส์ หรือร้านอาหารในบริเวณดังกล่าว โดยต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ 7.สนามกีฬาเฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้งและตามกติกาสากล ผู้เล่นต้องมีระยะห่างทางสังคมและไม่คลุกคลีกันอยู่แล้ว เช่น เทนนิส ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู และต้องไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกัน หรือเป็นการแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮาส์ หรือร้านอาหารในบริเวณดังกล่าว ต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ 8.สวนสาธารณะ ลาน-พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬา ให้เปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้งเพื่อการเดิน วิ่ง ขี่หรือปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นเป็นส่วนบุคคล โดยไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือเป็นการแข่งขัน การละเล่น การแสดง 9.สถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์ ข้อ 3 ให้เจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่ตามข้อ 2 ทุกประเภท มีหน้าที่รับผิดชอบ การดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ ภาชนะและอุปกรณ์ที่ใช้ และจัดให้มีมาตรการป้องกันโรค ตามที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจ และให้คำแนะนำ หรือตักเตือนห้ามปรามได้ตลอดเวลา หากพบว่ามีการฝ่าฝืน หรือเป็นอันตรายต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ให้เสนอผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ สั่งปิดสถานที่นั้นเฉพาะราย หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. ภัทรวินทร์ ลีปาน หนองคาย