แก้วกานต์ กองโชค คำถาม 4 ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ส่งผ่านไปยัง “ประชาชน” สร้างความกังขาให้เกิดขึ้นกับ “มิตรรักแฟนเพลงคืนความสุข” ของรัฐบาลพอสมควร ?? โดยเฉพาะข้อกังขาเกี่ยวกับ “การอยู่ต่อ” ของ คสช. หลังจากความต้องการนั้น แสดงออกในการรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 คำถามของลุงตู่ทั้ง 4 ข้อได้แก่ 1. ท่านคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ 2. หากไม่ได้ จะทำอย่างไร 3. การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งอย่างเดียวที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ และเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศชาติจะมียุทธศาสตร์และการปฏิรูปหรือไม่นั้น ถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง 4. ท่านคิดว่า กลุ่มนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี ควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้อีก เกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร จนทำให้ “ลุงตู่” ต้องอธิบายคำถามทั้ง 4 ข้ออีกครั้งเมื่อวันที 29 พ.ค. 60 ว่า “จุดประสงค์ที่ถามคือต้องการให้ประชาชนได้คิดในสิ่งที่ผมได้ถาม เพราะวันนี้มีการพูดในระดับท้องถิ่น ชุมชน และหมู่บ้าน ซึ่งเดินสายพูดอยู่ข้างล่าง และบิดเบือนทุกอย่าง โจมตีผมทางสื่อ จึงได้ถามกลับไปว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมาทั้งหมดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เช่นที่บอกว่าหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็จะให้มีโครงการรับจำนำข้าวอีก กลับมาแล้วจะทำหลายอย่างที่ประชาชนได้รับผลประโยชน์โดยตรง ผมจึงได้ถามว่าถ้าปัญหาเหล่านี้กลับมาประชาชนจะทำอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ บอกนักข่าวว่า "ในเมื่อเขาเล่นงานผม ผมก็ต้องถามกลับไปบ้าง แล้วทำไมจะต้องฟังแต่เขาข้างเดียวหรือ ผมไม่มีโอกาสจะพูดอะไรเลยเหรอ ช่วยผมสิ ผมต้องการสร้างความคิด เลือกตั้งผมไม่ได้ขัดแย้ง ยังไงก็ต้องมี โรดแมปว่าเมื่อไรก็ต้องเมื่อนั้น” “ผมไม่เคยพูดสักคำว่าจะไม่เลือกตั้ง แล้วนักการเมืองตีความอย่างนั้นทำไม หลายคนที่ออกมาพูดวันนี้สร้างความเสียหาย วันหน้าถ้าเกิดปัญหาขึ้นอีกจะเรียกใคร ประยุทธ์ไม่อยู่แล้วจะเรียกใคร แล้วบอกทหารไม่ต้องรัฐประหาร ซึ่งไม่มีใครอยากจะทำอยู่แล้ว ถ้าพวกคุณไม่สร้างความเสียหายไว้" พล.อ.ประยุทธ์ อธิบาย แปลไทยเป็นไทยก็คือ ลุงตู่ตระเตรียมให้มีการเลือกตั้ง แต่ “วรวรรณ ธาราภูมิ” ตอบคำถามสี่ข้อผ่านเฟสบุ๊กของตัวเอง บนพื้นฐานความเชื่อว่า คสช.ต้องการบริหารประเทศต่อไป ดังนี้ ข้อ 1. ตอบ ... จะเลือกตั้ง หรือไม่เลือกตั้ง เราก็มีโอกาสที่จะได้รัฐบาลที่อ่อนด้อยเรื่องธรรมาภิบาลอยู่ดี มันจึงไม่ได้อยู่ที่จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ข้อ 2. ตอบ ... หากจะอยู่ต่อ รัฐบาลนี้ก็ต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นชัดขึ้นกว่าเดิมมากๆ ในการมีธรรมาภิบาล ไม่เลือกปฏิบัติ ข้อ 3. ตอบ ... หากจะอยู่ต่อ รัฐบาลนี้ก็ต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นชัดว่ามีการปฏิรูปด้านสำคัญที่ประชาชนต้องการอย่างแท้จริง และให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเรื่องที่ต้องปฏิรูปมากที่สุดคือระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งต้องไม่ใช่ปฏิรูปด้วยการเพิ่มเงินข้าราชการอย่างที่ทำอยู่ (ไม่ได้ห้าม ถ้าเรารวยพอ และข้าราชการนั้นสมควรได้จริงๆ) และต้องเลิกทำให้ระบบราชการใหญ่ขึ้นๆ แต่ด้อยประสิทธิผลอย่างที่เห็น ที่สำคัญคือคนส่วนล่างและส่วนกลางกำลังลำบากทางเศรษฐกิจจากความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและ ประชากร เมื่อท่านทุ่มเททรัพยากรไปกับการทำโครงสร้างพื้นฐานที่จะส่งผลดีได้ในระยะยาว การดูแลคนที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นนี้ก็ต้องทำ แต่เมื่อท่านให้ทรัพยากรส่วนกลางไปที่ระบบราชการมากๆ แล้วเราจะเหลือเงินเท่าไหร่ไปช่วยคนที่ลำบาก .... ท่านถึงต้องหาทางขึ้นภาษี เก็บภาษี ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบก็คงไม่พอใจ ... ตรงนี้ต้องจัดการให้ดี ข้อ 4. ตอบ ... ไม่ว่าจะนักการเมือง ข้าราชการ หรือนักธุรกิจ ที่มีพฤติกรรมเลวร้าย ต่างไม่ควรเข้ามาเป็นนักการเมือง เป็นข้าราชการทั้งนั้น ใครเข้าข่ายผิดกฏหมายก็ต้องจัดการโดยเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้หนีออกนอกประเทศแบบที่ผ่านๆ มา “ตอบตรงเป้าแล้ว ไม่เวิ่นเว้อ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ 3 ปีที่ท่านอยู่ น่าจะทำให้หมดคำถามที่ท่านถามมาได้แล้วนะคะทำได้ก็อยู่ต่อ ..... ทำไม่ได้ อย่าอยู่เลยค่ะ” วรวรรณตบท้ายคำตอบของเธอโอ้โห.....ดูเหมือนว่า เจตนาของลุงตู่ ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว !!!