วันนี้ (13ส.ค.63) เมื่อเวลา 07.15 น.นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เริ่มจากการสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนลงมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นนายสุพัฒนพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตนดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ส่วนการทำงานวันนี้จะได้รับทราบว่านายกฯจะมอบหมายให้ดูแลในเรื่องใดในฐานะรองนายกฯ ตนได้ศึกษางานมาเบื้องต้นบ้างแล้ว และจะมีกำหนดการเข้ากระทรวงพลังงานต่อไป เมื่อถามถึงการเตรียมรับมือในภาวะเศรษฐกิจที่จะมีการตกงานมากขึ้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขอรอดูการมอบหมายก่อน และสัปดาห์หน้าคงจะได้มีการพูดคุยกันอีกครั้ง เมื่อถามว่า ตอนนายกฯทาบทามได้มีการพูดคุยถึงกรอบการทำงานอย่างไรไว้บ้าง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยในภาพกว้าง ยังไม่ได้ลงรายละเอียด ตนจึงไม่อยากพูดอะไรมากเพราะเมื่อแบ่งงานแล้วไม่ตรงกับที่พูดวันนี้ การสื่อสารกับสื่อมวลชนก็อาจจะผิดพลาดไป เมื่อถามว่า งานรองนายกฯ และงาน รมว.พลังงาน เป็นความท้าทายใหม่ จะมีการปรับตัวอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าระบบราชการที่จะต้องปรับตัว เพราะตนอยู่กับภาคเอกชนมา ก็จะพยายามเต็มที่และทุ่มเท ขอรอเวลาสักนิดในการทำความรู้จักกันเสียก่อน เมื่อถามว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งเพราะอะไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจปัญหาและเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้ามีโอกาสช่วยประเทศชาติได้ก็จะช่วย และตนเพิ่งเกษียณมาได้ 1 ปี ได้รับฟังปัญหามาพอสมควร คิดว่าเราพอจะช่วยเหลือได้ เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่เกิดปัญหา ทั่วโลกก็มีปัญหา มีความไม่แน่นอน ตนจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศ และตนเชื่อมั่นในตัวนายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เมื่อถามว่า คิดว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะเป็นที่เชื่อมั่นของคนในประเทศและต่างประเทศหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทุกคนประจักษ์เห็นแล้วว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าของเราดีกว่าประเทศอื่นอย่างไร เราเลือกเส้นทางอย่างระมัดระวัง บางประเทศที่เดินอีกแบบหนึ่งเขาก็เจอการระบาดรอบสอง ณ วันนี้เราถือว่ารับศึกด้านเดียว บางประเทศเข้ายังต้องการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดและเศรษฐกิจถดถอย จึงถือว่าเป็นความสามารถของนายกฯ และครม.ที่ผ่านมา เมื่อถามว่า ปัจจัยการชุมนุมหรือปัจจัยทางการเมืองจะทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าวันนี้ทุกคนต้องร่วมมือกัน และมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งรายละเอียดตนยังไม่ได้ศึกษา เมื่อถามว่า ความขัดแย้งและความวุ่นวายภายในพรรคการเมืองจะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อันนี้ถือว่ายังไม่ได้เริ่ม ต้องไปดูกระทรวงที่ได้รับมอบหมายว่าเกี่ยวข้องในเรื่องใด ถ้าไม่ใช่เรื่องพวกนี้ก็มีผู้ที่ได้รับมอบหมายอยู่แล้ว เราก็เพียงให้ความร่วมมือ