“เพื่อไทย” ยื่นหนังสือ กรธ. แก้ไพรมารีโหวต พ.ร.บ.พรรคการเมือง หวั่นได้ผู้สมัครไม่ตรงคุณสมบัติ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ส่งหนังสือถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองในบางมาตรา สำหรับสาระสำคัญของหนังสือที่พรรคเพื่อไทยส่งถึงนายมีชัย คือ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า หลักการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในทางการเมืองกับพรรคซึ่งรวมถึงการคัดเลือกผู้สมัคร หรือ ไพรมารีโหวตมาใช้ นั้น เป็นสิ่งที่ดีและเป็นไปตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งพรรคการเมืองแต่ต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหาและส่งผลกระทบต่อการส่งผู้สมัครของพรรคการเมืองด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่าระบบคัดเลือกผู้สมัครขั้นต้น (Primary Vote) ตามร่างที่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีปัญหาที่ควรต้องพิจารณาดังนี้ 1. การคัดเลือกผู้สมัครโดยปกติพรรคต้องพิจารณาจากผู้มีความประพฤติที่ดี มีความรู้ความสามารถในการสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเดิมพรรคก็มีกระบวนการสรรหาโดยผ่านคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครและคณะกรรมการบริหารร่วมกัน โดยมีการพิจารณารับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกและประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว แต่การให้สิทธิค่อนข้างเด็ดขาดแก่สาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัด อาจเป็นการรับฟังความคิดเห็นที่ไม่ทั่วถึงทำให้เกิดกรณีที่สมาชิกพรรคที่ต้องการลงสมัครจัดตั้งสมาชิกซึ่งสนับสนุนตนเองเพื่อมาลงคะแนนเลือกตนได้ง่าย ทั้งที่บุคคลดังกล่าวอาจไม่มีความเหมาะสมเพียงพอในการเป็นตัวแทนของพรรคในการสมัครรับเลือกตั้ง 2. การคัดเลือกขั้นต้น (Primary Vote) นั้นมีกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง เพราะผู้สมัครต้องดำเนินการโดยสาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัดทุกแห่ง อาจทำให้เกิดปัญหาที่พรรคสรรหาผู้สมัครได้ไม่ทันกำหนดเวลารับสมัครของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และอาจมีกรณีร้องเรียนว่าผู้สมัครไม่ได้รับการสรรหาที่ถูกต้อง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งอาจพิจารณาไม่รับผู้นั้นเป็นผู้สมัครทำให้พรรคต้องเสียโอกาสในการส่งผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้นได้ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยหวังว่า เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติและไม่มีปัญหาอุปสรรคต่อการส่งผู้สมัครและการจัดการเลือกตั้ง มีความเป็นธรรมแก่ทุกพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ตั้งกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาทบทวนแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้มีความเหมาะสมต่อไป