วันที่ 28 เม.ย.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขผบ.ตร.,พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์.,พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก,พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.และพล.ต.ท.โสภณรัช สิงหจารุ แพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจแถลงข่าวการดำเนินงานของ ตร. ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 พล.ต.ต.อาชยน โฆษก สตม.กล่าวว่าตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้เข้มงวดจับกุมการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองในห้วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ซึ่งตามที่ปรากฏข่าวสารตามสื่อสังคมออนไลน์ กรณีคณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของเชื้อโควิด-19 ของ สปป.ลาว ได้แถลงข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 2 คน พบไทม์ไลน์ที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยชายชาวไทย จำนวน 2 ราย ลักลอบข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว แล้วพาหญิงชาวลาวรายดังกล่าว ตระเวนเที่ยวตามผับ ร้านอาหาร ฯลฯ ก่อนจะลักลอบข้ามกลับมาในราชอาณาจักรไทยในเขต จ.หนองคาย นั้น พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จ.หนองคาย สืบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน โดยประสานข้อมูลกับ สปป.ลาว เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด จากการสืบสวนได้ทราบว่าชายไทยทั้ง 2 ราย ตามภาพที่ปรากฏในกล้อง CCTV ใน สปป.ลาว คือ นายชิตพล ขอสงวนนามสกุล อายุ 30 ปี และ นายธนกฤต ขอสงวนนามสกุล อายุ 31 ปี ขณะอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งเชื่อได้ว่าชายไทยทั้ง 2 รายได้ลักลอบเดินทางข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว จากนั้นได้ชักชวนเพื่อนหญิงชาวลาวตระเวนท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ต่อมานายธนกฤตฯ ได้ลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย และเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2564 พบว่า นายธนกฤตฯ ติดเชื้อโควิด-19 จึงส่งเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.หนองคาย ส่วนนายชิตพลฯ และ น.ส.ดาววะดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาวลาว ได้ลักลอบเข้าประเทศไทยตามมาเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2564 และเมื่อได้ทราบข่าวว่า นายธนกฤตฯ ติดเชื้อโควิด-19 นายชิตพลฯ และ น.ส.ดาววะดีฯ จึงได้เดินทางมายัง รพ.หนองคาย เพื่อตรวจหาเชื้อ ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.หนองคาย จากการตรวจสอบพบว่านายชิตพลฯ และ นายธนกฤตฯ เป็นบุคคลเดียวกับที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดใน สปป.ลาว และจากข้อมูลไทม์ไลน์ที่ทั้งสองได้ให้ไว้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ปกปิดข้อมูลการเดินทางไป สปป.ลาว ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลจากการสืบสวน ตม.จว.หนองคาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายธนกฤตฯ ในข้อหา “เป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่าน เขตท่า สถานี ตามประกาศในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น” และ “จงใจปกปิด บิดเบือนการเดินทางของตนเองต่อเจ้าพนักงาน”, นายชิตพลฯ ในข้อหา “เป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่าน เขตท่า สถานี ตามประกาศใน กฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจ าเส้นทางนั้น” และ “ให้ความ ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิด กฎหมาย ให้พ้นจากการถูกจับกุม” และ “จงใจปกปิด บิดเบือนการเดินทางของตนเองต่อเจ้าพนักงาน” และ น.ส.ดาววะดีฯ ในข้อหา“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ปัจจุบันบุคคล ทั้ง 3 ราย อยู่ระหว่างการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งศาลจังหวัดหนองคายได้ออกหมายจับและได้ประสานทำการ อายัดตัวไว้แล้ว หากสิ้นสุดการรักษาเมื่อใด จะได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทุกราย จึงมีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนพบว่าขณะที่นายชิตพลฯ และน.ส.ดาววะดีฯ ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร ได้มีนายเกียรติศักดิ์ฯ ชาวไทย อายุ 50 ปีนำรถยนต์กระบะ ISUZU หมายเลขทะเบียน บบ-1351 อุดรธานีมาให้ความช่วยเหลือเพื่อให้รอดพ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับ ชาวไทย 2 ราย และหญิงลาว 1 ราย ลักลอบเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมำย ต้องสงสัยนำเชื้อโควิดไปแพร่ระบาดใน สปป.ลาว พร้อมขยำยผลจับกุมผู้ให้ความช่วยเหลือลักลอบข้ามแดน” นายเกียรติศักดิ์ฯ และต่อมาศาลจังหวัดหนองคาย ได้อนุมัติหมายจับนายเกียรติศักดิ์ฯในข้อหา“ให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้พ้นจากการถูกจับกุม” ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป