ทุกวันนี้มีเสียงบ่นเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนกันมากเรื่องดี ๆ นั้น คนไทยมักไม่พูดกัน ไม่ชมกัน แต่มักจะยกเอาเรื่องร้าย ๆ เรื่องเลว ๆ มานินทาว่ากัน เมื่อกล่าวถึงเด็กและเยาวชนก็มักจะบ่นว่า เด็กสมัยนี้ไม่เรียบร้อย ไม่มีมานะอดทน สู้สมัยที่ตนเป็นเด็กไม่ได้ คนที่บ่นอย่างนั้น ก็คงลืมไปว่า พฤติกรรมของเด็กเกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป้นผู้ใหญ่ในครอบครัวละผู้แวดลล้อมเด้ก และ/หรือผู้ใหญ่ในสื่อสารมวลชน ในเกม ในโซเชียลมีเดีย ฯลฯ ผู้ใหญ่พ่อแม่เด้กมักจะยกหน้าที่รับผิดชอบอบรมบ่มเพาะเด็กให้โรงเรียนเป็นหลัก โดยลืมไปว่า อิทธิพลของตนเองต่างหากที่มีอิทธิพลต่อลูกของตนมากที่สุด ม.รว คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เตือนผู้ใหญ่ในประเด็นนี้ไว้ว่า “ด้วยเหตุนี้หน้าที่ของครูตามโรงเรียนหรือจะพูดโดยทั่วไป หน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการจึงเป็นหน้าที่ที่สำคัญ และเป็นหน้าที่อันหนัก เยาวชนจะมีความประพฤติเป็นอย่างไร มีความรู้สึกในทางศีลธรรมสูงหรือต่ำอย่างไรนั้น ก็ย่อมอาศัยโรงเรียนหรือครูผู้สั่งสอนเป็นหลักสำคัญ ...... แต่ปัญหาในเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาที่มีเรื่องน่าคิดอยู่หลายอย่าง การอบรมเยาวชนนั้น ในประการแรกทำได้ด้วยตัวอย่าง คือเยาวชนนั้น ก็อย่างที่ผมได้กล่าวมาแล้วว่า ชอบเลียนแบบ การชอบเลียนแบบนั้น เลียนได้ทั้งแบบที่ดีและแบบที่ชั่ว คนที่อยู่ใกล้ชิดเยาวชนที่สุดก็คือบิดามารดาญาติพี่น้องของเยาวชนนั้นเอง ถ้าหากว่าบิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ของเยาวชนนั้นประพฤติตนไปในทางใด เยาวชนก็จะถือเป็นแบบอย่าง เพราะเหตุว่าเด็กย่อมไม่มีวิจารณญาณรู้ผิดรู้ชอบเท่ากับผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้ หากว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบันคือบิดามารดาญาติพี่น้องของเด็กนั่นเอง ประพฤติตนไปในทางที่เสื่อมเสีย หรือถึงไม่เสื่อมเสียแต่ประพฤติตนไปในทางย่อหย่อนศีลธรรมก็ดีหรือในทางความประพฤติทั่ว ๆ ไปก็ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เยาวชนมีความเสื่อมในศีลธรรมและมีความประพฤติย่อหย่อนลงไปด้วย เพราะเมื่อเด็กเห็นผู้ใหญ่ทำอย่างนั้นได้ เด็กก็ย่อมจะเลียนแบบและจะพยายามทำตาม ธรรมดาเด็กทุกคนย่อมนับถือบิดามารดาและญาติพี่น้องผู้ใหญ่ เมื่อบิดามารดาญาติพี่น้องผู้ใหญ่ทำสิ่งใด ก็ย่อมจะต้องถือว่า สิ่งนั้นถูกไว้ก่อน ที่พูดโดยทั่ว ๆ ไป ก็อาจจะมียกเว้นสำหรับเด็กที่ฉลาด มีวิจารณญาณสูง ก็อาจจะมองเห็นผิดไม่ยอมกระทำตาม แต่อย่างไรก็ตามเด็กโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็มักจะถือว่าที่ผู้ใหญ่ทำนั้นเป็นของถูก เป็นของที่ควรจะปฏิบัติตามได้ เพราะฉะนั้นความประพฤติของเยาวชนในประเทศเราจะดีหรือเลวอย่างไรนั้น ขึ้นแก่ความประพฤติของผู้ใหญ่เป็นส่วนมาก ถ้าหากว่าผู้ใหญ่ประพฤติไม่ดีแล้ว เด็กก็ย่อมจะประพฤติไม่ดีตามไปด้วย และเมื่อเด็กประพฤติไม่ดีตามผู้ใหญ่ทางบ้านแล้ว ภาระของครูทีจะอบรมแก้ไขให้ดีขึ้นนั้นเป็นของที่ยากยิ่ง เพราะเหตุว่าถึงแม้เด็กจะนับถือครูบาอาจารย์ก็ตามที แต่ว่าก็ไม่เกินบิดามารดา และถ้าครูจะไปตำหนิการกระทำบางอย่างหรือความประพฤติบางอย่างที่อาจจะไปกระทบกระเทือนต่อความประพฤติของบิดามารดาเด็กเข้า ก็อาจจะทำให้เด็กเคือง รู้สึกเสียใจในคำพูดของครู เป็นเหตุให้หมดความเชื่อถือเลื่อมใสลงไปก็ได้ อาจจะไม่ฟังครูในขณะที่ครูอบรมก็ได้ เพราะฉะนั้นทางที่แก้ความประพฤติของเยาวชน ตามความเห็นส่วนตัวของผมก็อยู่ที่ผู้ใหญ่นั้นเอง”