การประชุมเอเปก ประจำปีนี้ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม คงไม่มีผลอะไรสะเทือนต่อประเทศไทยนัก แต่สำหรับประเทสเจ้าภาพแล้ว ก็ต้องพยายามเต็มที่ในการดึงดูดการค้าการลงทุนให้สนใจประเทศเวียดนามมากขึ้น กิจกรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับเวียดนามคือการประชุมสุดยอดธุรกิจเวียดนามในหัวข้อ “เวียดนาม-หุ้นส่วนธุรกิจที่น่าไว้วางใจ” ซึ่งเปิดประชุมเมื่อวันที่ 7 พ.ย นี่เป็นโอกาสเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติศึกษาเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การพัฒนาหน่วยงานและศักยภาพความร่วมมือด้านการลงทุนและประกอบธุรกิจของเวียดนาม ในกรอบการประชุม จะมีการประชุมย่อยหารือเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น การเกษตรอัจฉริยะ การบริการด้านการเงิน สาธารณสุขและการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจสตาร์ทอัพและการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานนิทรรศการภายใต้หัวข้อ “เวียดนาม-หุ้นส่วนธุรกิจที่น่าไว้วางใจและมีศักยภาพ” เรื่องข้างต้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามต้องการ ส่วนการประชุมระดับประมุขประเทศนั้น ก็คงพูดกันไปตามหลักการ หวังอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไม่ค่อยได้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กลุ่มผู้นำประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ร่วมออกแถลงการณ์ปิดการประชุมผู้นำเอเปค ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิมาของเปรู ยืนยันว่าจะสนับสนุนความตกลงทางเศรษฐกิจและเขตการค้าเสรีต่อไป แม้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อสืบเนื่องจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ โดนัลด์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership หรือ TPP) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ จันทร์ ม.ค. 2017 อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐถอนตัวออกจาก TPP ก็มิได้หมายความว่า สหรัฐจะลดความสำคัญของการเพิ่มอิทธิพลอำนาจของสหรัฐในภูมิภาคแปซิฟิค ตรงกันข้ามกลับเพิ่มความพยายามขึ้นมากมาย โดยผ่านการเจรจาทวิภาคีกับประเทศเอเชียในแปซิฟิคทีละประเทศ ซึ่งก็ทำให้สหรัฐได้การตอบสนองด้านเศรษฐกิจค้าขายดีขึ้นเสียด้วย ปัญหาที่ยังหนักอกสหรัฐคือปัญหาด้านการเมืองการทหาร ที่สหรัฐพยายามสกัดกั้นลดทอนอิทธิพลทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้ ผนวกเข้ากับ “ปัญหาเหนือคาดหมาย” จากบทบาทการเล่นเกมขีปนาวุธของผู้นำเกาหลีเหนือ แน่นอนว่าผู้นำสหรัฐคงจะแสดงท่าทีต่อปัญหานี้ในการประชุมสุดยอดเอเปคด้วย แต่สมาชิกประเทศอื่น ๆ คงจะหลีกลี่ยงไม่อายกกล่าวถึงประเด็นปัญหาการเมืองการทหาร หัวข้อการประชุม ก็คงจะเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของเอเปกประชุมตกลงร่วมกันแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ย คือ “สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคต” โดยมีเนื้อหาสี่ด้านใหญ่ ๆ ได้แก่ ผลักดันการขยายตัวอย่างยั่งยืนมีความคิดสร้างสรรค์และคลอบคลุมรอบด้าน , ส่งเสริมการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างกว้างลึก , เพิ่มทักษะความสามารถในการแข่งขัน ความคิดสร้างสรรค์ของสถานประกอบการขนาดย่อมและขนาดจิ๋วในยุคดิจิตอล , การส่งเสริมการรักษาความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ หลักการ “การค้าเสรี” จะยังเป็นหลักการสำคัญของเอเปกต่อไป นาย บุ่ยแทงเซิน รมต.ต่างประเทศ เวียดนาม ได้ยืนยันไว้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย ว่า “การค้าเสรีเป็นปัญหาที่สำคัญในหลักการร่วมมือของเอเปก กระบวนความร่วมมือเอเปกได้แสดงให้เห็นว่า เอเปกเป็นกลไกความร่วมมือชั้นนำในภูมิภาคและผลักดันความเชื่อมโยงในภูมิภาค ในสภาวการณ์ปัจจุบัน”