ชัยวัฒน์ สุรวิชัย • ต้องขอเล่าเรื่องป๋า “บุญช่วย สุรวิชัย” เพื่อให้จบเรื่อง แบบอย่างที่ปู่จิ๊บได้รับมาทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรง ที่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับ “สายโลหิต ผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลสุรวิชัย-เอวอินปี ซึ่งเป็น เรื่องของกรรมพันธุ์หรือโครโมโซม ที่รับมาจากบรรพบุรุษและถ่ายทอดมายังลูกหลานต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งปู่จิ๊บเคยใช้คำพูดคุยกับลูกชายทั้งสอง “ เจี๊ยบโจ๊ก” ว่า “ ลูกเป็นประวัติศาสตร์และอนาคตของพ่อ” ความขยันอดทนสู้งานหนัก เป็นคนมีน้ำใจมีแต่ให้กับผู้อื่น ( ญาติพี่น้องและผู้คนทั่วไป ) และเรียบง่าย ไม่มีระเบียบพิธีรีตองอะไรมากนัก ( คุณแม่บุญจันทร์ เป็นคนมีระเบียบฯ ) อยู่ง่ายกินง่าย สบายๆ ชอบพูดคุยทักทายกับผู้คนทั่วไป ทั้งรู้จักและไม่รู้จัก และการออกกำลังกายคือ เดินแกว่งแขนหน้าร้าน ข้ออ่อนมีไหม แน่นอนย่อมต้องมี คือ ชอบดื่มเหล้าและบางครั้งก็เมา ซึ่งคุณแม่จะชี้ให้ดูบ่อยๆ มีผลทางอ้อมตามมา คือ “ ปู่จิ๊บ” ไม่ติดเหล้า กินได้ในช่วงการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง นานปีที แต่ก็เป็นความสุขความสนุกของป๋า เป็นการผ่อนคลาย เพราะไม่ค่อยไปไหน อยู่กับบ้าน ยามจะไปกรุงเทพฯ ก็เป็นเรื่องของการไปช่วย “ หลานที่เป็นหมอ ซึ่งมีคดีร้ายแรงติดตัว” ซึ่งป๋าก็ไปหา เพื่อนฝูงที่เป็นนายทหาร ซึ่งมีทั้งรุ่นเดียวกันและร่วมน้อง ตอนคุ้นเคยสนิทสนมกัน ช่วงรับราชการลำปาง และก็สามารถผ่อนหบักเป็นเบาได้ อีกส่วนหนึ่ง ก็พาลูกและครอบครัวไปเที่ยวบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก และความสุขประจำงวด คือ การนั่งดึกดื่นตรวจล๊อตตารี ที่ป๋าเหมาซื้องวดละมากมาย ทั้งนี้เพราะ ป๋า ส่วนหนึ่งที่สามารถตั้งเนื้อตั้งตัวได้ เพราะถูกรางวัลใหญ่ ฯลฯ ญาติพี่น้องมักบอกว่า ปู่จิ๊บ ได้อะไรหลายอย่างมาจาก ป๋า โดยเฉพาะหน้าตา แต่ปู่จิ๊บ รู้ว่า ทั้งรู้ในขณะยังเด็ก และมารู้มากขึ้น ในช่วงเมื่อเติบใหญ่ และได้สรุปทบทวนตัวเอง สรุปสั้นๆ ว่า “นอกจากป๋าจะให้ชีวิตแล้ว ยังเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ที่ทำให้ปู่จิ๊บ เป็นคนเช่นนี้ ขอกราบขอบพระคุณป๋ามากครับ และปูจิ๊บ กล่าวยืนยันเต็มปากเต็มใจว่า” จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยการคิดดีทำดีเพื่อตนเองผู้อื่น ชุมชน ประชาชนและประเทศชาติ “จะไม่ทำให้ป๋าผิดหวังแน่นอน “ • นอกจากป๋า ซึ่งเป็นผู้ชาย ที่ปู่จิ๊บเคารพรักและคิดถึงมากที่สุด และยังคงรำลึกถึงตลอดเวลา คนต่อไป ก็เป็นเครือญาติที่มีความสำคัญกับ ปู่จิ๊บ ป๋าและ โดยเฉพาะคุณแม่ เพราะคือ “ก๋ง” นายเฮว เฮวอินปี ที่เป็นพ่อของแม่ และ (ยายคำใส เฮวอินปี / ไชยวงศา ชาวเชียงใหม่) ความจริง ปู่จิ๊บ รู้จักก๋งไม่มากนัก เพราะยังเด็กเล็ก และ ก๋ง อยู่ช่วงชราภาพ ต้องการการพักผ่อนและดูแล จึงรู้จักคร่าวๆ รู้ผ่านประวัติและกิจกรรมที่ทำเพื่อครอบครัวและชุมชมลำปางที่มีคุณค่าอนันต์ ก๋ง เกิดที่ประเทศจีน ปี 2416 และเดินทางเข้ามาประเทศไทย ปี 2536 และได้มาตั้งรกรากอยู่ที่ลำปาง ธุรกิจ เป็นร้านค้า “ กวางฮั่วหลี” อยู่ที่สี่แยก ถนนทิพย์วรรณ-ทิพย์ช้าง(ถนนสายกลาง) ตลิ่งจันหมัน ประกอบกิจกรรมประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง จำหน่ายสินค้าคุณภาพดีจากเยอรมันและอังกฤษเป็นหลัก ก๋งมาพบรักกับยาย ในช่วงเดินทางไปเที่ยวที่ตลาดเชียงใหม่ และมีพิธีสู่ขอกับผู้ใหญ่แต่งงาน และมาอยู่ลำปาง เนื่องจากเป็นผู้มีจิตใจอาสา จึงช่วยสนับสนุนเพื่อสาธารณกุศลอยู่เป็นประจำ ที่โดดเด่น คือเรื่องการศึกษาฯ ก๋ง เป็นผู้หนึ่ง ที่ร่วมก่อตั้งโรงเรียนจีน ชื่อ โรงเรียนฮั่วเคี้ยง (ประชาวิทย์ในปัจจุบัน) เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ก๋ง เป็นพ่อที่สนับสนุนการศึกษาแก่ลูกๆ โดยลูกคนโตส่งกลับไปประเทศจีน และลูกสาวทั้ง 6 ได้เรียนดีๆ คุณแม่บุญจันทร์ ได้ไปเรียนที่รร.เรยินาเชลีวิทยาลัย เชียงใหม่ และจบการศึกษามัธยม 6 ในสมัยนั้น แล้วกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนประชาวิทย์และ( เคนเน็ตฯ ) ซึ่งมีน้องสาวสองคนเรียนอยู่ด้วย ( ที่รร.ประชาวิทย์ ทางลูกของก๋ง ได้บริจาคเงินสร้างอาคาร “ ตึกเฮวอินปี” ให้เป็นอนุสรณ์สำหรับก๋งด้วย) ทั้งก๋งทางป๋าและแม่ ล้วนแต่เป็นแบบอย่าง ในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทย ให้กับลูกหลาน สิ่งนี้ กระมัง ที่ทำให้ลุกหลานของก๋งทั้งสอง ล้วนเป็นคนดีรักชาติบ้านเมืองและทำเพื่อสังคมเท่าที่ทำได้ •ขอกล่าวถึง “ ชาย” ในลำปางให้ครบหมดก่อน โดยเน้นเฉพาะที่มีความสำคัญ ต่อการสร้างพัฒนาชีวิตตน คงเป็นเรื่องของการศึกษาและในเรื่องของธรรมเป็นหลัก เพราะ สมัยนั้นยังไร้เดียงสาทางการเมือง คุณพ่อกรางค์ ซึ่งเป็นบาดหลวงคริสสตางค์ คาทอริก เป็นผู้ให้กำเหนิดโรงเรียนอรุโณทัย และมีส่วน ร่วมในการสร้างโรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง ที่มีคณะบราเดอร์ทางกลุ่มเซนคาเบียลมาร่วมสร้างขึ้นฯ นอกจากการศึกษาที่ถือว่าโดดเด่นมากในจังหวัดลำปาง ที่สำคัญคือ การพัฒนาและสร้างนิสัยให้เรียนรู้ ขยันขันแข็งอดทน โดยเฉพาะเน้นในเรื่องของความเพียรพยายาม ตามปรัชญาของโรงเรียนฯ “ วิริยะอุสาหะ” นำมาซึ่งความสำเร็จ “ ซึ่งปู่จิ๊บ ก็ต้องขอกล่าวตามตรงว่า” มาเข้าใจดีแท้ในภายหลัง จากการใช้ชีวิตในสังคมไทยต่อๆมาอีกยาวนาน โดยเฉพาะ การผ่านอุปสรรคความยากลำบากที่หนัก ในชีวิตการเมือง ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยในทุกสมรภูมิ กรุงเทพ ต่างจังหวัด ทั่วประเทศ และในยุคเข้าไปต่อสู้ในป่าเขาของชนบทประเทสไทย ร่วมกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นักเรียนนักศึกษาชาวบ้านและแนวร่วมกลุ่มต่างๆ ที่รร.อัสสัมชัญฯ ปู่จิ๊บจะมีโอกาสที่ดีกว่าเพื่อนร่วมชั้น เพราะ ได้เรียนคำสอนทางคริสศาสนาด้วย เหตุเพราะ “ก๋ง “ ได้สนับสนุนการศึกษาทั้งโรงเรียนพุทธคริสต์ และคุณแม่ก็เรียนจบโรงเรียนคริสต์ และที่บ้าน ก็มีรูปปั้น “ พระเยซุและแม่พระ “ ด้วย ที่สวยงามดูเด่นสง่างดงาม ฯ โดย ในชั่วโมงเรียนหน้าที่ศีลธรรม จะมีเด็กนักเรียนส่วนหนึ่ง ได้เข้าห้องเรียนคำสอน ฯ จริงๆแล้ว ก็ไม่ได้อะไรเป็นเนื้อหนังหนังหรือแก่นสาระนัก แต่การได้รับรู้หลักทางศาสนาอื่น ทำให้เราเข้าใจว่า “ ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี” แต่ศาสนาคริสต์ ดูจะเน้นระเบียบและจิตใจมากกว่า ปู่จิ๊บ ได้อะไรจากโรงเรียนอัสสัมชัญ บราเดอร์ มาสเตอร์และเพื่อนร่วมชั้นและใกล้เคียง และเมื่อได้รับมา ก็ต้องตอบแทนบุญคุณของโรงเรียน บราเดอร์ มาสเตอร์และคณะครูเก่า-ใหม่ ด้วย หลังจากเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ร่วมก่อตั้งกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แจกใบปลิวฯ แล้วถูกรัฐบาลจอมพลถนอมประภาสณรงค์จับในวันที่ 6 ตุลาคม 2516 และตั้งข้อหารุนแรงมาก เป็นกบฏในราชอาณาจักรฯ มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯลฯ ถูกจับไปขังที่คุกโรงเรียนพลตำรวจบางเขน อยู่จนถึง เช้าวันที่ 13 ตุลาคม จึงออกมา โดยการที่รัฐบาลสั่งหน่วยคอมมาโด “ให้ออกมาจากคุก “ ซึ่งก็แปลกดี เพราะ “ถูกจับโดยตำรวจและสันติบาล “ แต่ตำรวจฯมาปล่อยเอง ทั้งๆที่ยังไม่ต้องการจะออก เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย โดยมีผู้ที่ถูกจับรุ่นใหญ่ เช่น พี่ประพันธ์ศักดิ์ กมลเพชร อ.ทวี หมื่นนิกรฯ มองว่า “ อาจจะถูกสังหารเหมือน กับ กรณี 4 รัฐมนตรี ที่ถูกปล่อย แต่ถูกฆ่าตายฯหลังจากนั้น หลังจากชตาชีวิตพลิกกลับ จาก “ ตายแน่” มาเป็น “วีรชน” ภายในสัปดาห์เดียว เพราะประชามหาชน ที่ได้เจอกับภาวะที่ทนจึงถึงที่สุด รอคอยโอกาส แล้วเมื่อโอกาสมาถึง จึงเคลื่อนพลใหญ่ พลังของประชาชนร่วมสี่ห้าแสนคนในสมัยนั้น จึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของประชาธิปไตยไทยและโลก แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความขัดแย้งรอง ที่เกิดจากปีกถนอมประภาส กับ พลเอกกฤษณ์ สีวะรา ผบ.ทบ. และพลโทวิทูรย์ ยะสวัสดิ์ และการทรงมีพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชการที่ 9 ที่ทรงโปรดลงมาฯ ทำให้ จอมพลถนอมประภาสณรงค์ ยอมลาออก และออกจากประเทสไทยไป ทำให้ความขัดแย้งยุติลง •กลับเข้ามา ถึงเรื่องรร.อัสสัมชัญฯ ต่อ คือ “ การเดินทางกลับบ้านลำปาง พร้อมกับเพื่อนบางส่วน ซึ่งทางจังหวดลำปาง ได้จัดงานต้อนรับใหญ่ มีขบวนรถม้าไปรับที่สถานนีรถไฟ และวิ่งไปรอบเมือง ซึ่งปู่จิ๊บได้รับการติดต่อ “ให้ไปพูดกับนักเรียนและคณะบราเดอร์มาสเซอร์โรงเรียนอัสสัมชัญลำปางฯ ส่วนตัวปู่จิ๊บดีใจมาก ที่ได้กลับมาสู่อ้อมแขนของชาวอัสสัมชัญลำปาง และได้คุยเล่าสถานการณ์ในน้องๆฟัง นอกจากนี้ ได้รับเชิญไปพูดที่ “ วิทยาลัยครูลำปาง” ในขณะนั้น และได้ไปกราบหลวงพ่อเกษมแบบตัวต่อตัว และจากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาตลอด ( มากกว่างานอาชีพวิศวกรฯ ) จึงได้รับรางวัลต่างๆ เช่น “ บุคคลตัวอย่างแห่งปี ประจำปี 2546 สาขาพัฒนาประชิปไตยภาคประชาชน” ฯลฯ ทำให้เพื่อนและน้องชาวอัสสัมชัญลำปาง ได้นำเสนอชื่อ ให้เป็น ศิษย์เก่าอัสสัมชัญดีเด่นประจำปี 2547 และในปีนี้ ทางสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญลำปาง ร่วมกับโรงเรียนบราเดอร์มาสเตอร์ครูและนักเรียนฯ ได้จัดงานครบรอบ 60 ปี ในวันที่ 16 ธันวา 2560 ทางคณะกรรมการฯจัดงาน ได้เลือกปู่จิ๊บให้เป็น “ ดาวแห่งเกียรติภูมิ” ร่วมกับพี่ๆน้องชาวอัสสัมชัญลำปาง ซึ่งปู่จิ๊บ ก็ได้ร่วมกันผลักดันกับ หมอสมบูรณ์ คุณนิรุติ คุณชุมพร มาสเตอร์ไพบูลย์ ฯลฯ โดยใช้โอกาสครบรอบ 60 ปี ระดมทุนกันคนละเล็กน้อย แต่ปรารถนาให้ศิษย์เก่าทุกรุ่นทุกคน ได้มีส่วน ร่วมบริจาคเป็นกองทุนมุทิตาจิตครูเก่าฯ อันจะเป็นการแสดงน้ำใจอันดีงามของลุกศิษย์ให้กับครูเก่า ที่ยังขาดแคลนทุนทรัพย์ในเรื่องของสวัสดิการ ซึ่งที่ผ่านมา ก็เริ่มมีผู้ร่วมบริจาคมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันงาน ก็จะมีตัวแทนศิษย์เก่าไปมอบให้กับครูเก่าฯ จำนวนเงิน ไม่สำคัญเท่า "น้ำใจของชาวอสช.ลำปางทุกคน ที่ได้ร่วมจิตร่วมใจกัน ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งมาจากการบริหารจัดการที่สุดยอด ของคกก.จัดงานครั้งนี้ และการร่วมแรงใจของบุคลากรทุกฝ่าย, เห็นแล้ว ชื่นใจและมีความสุขจริงๆ... สุดท้าย ที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ปู่จิ๊บ ( และชาวพุทธจังหวัดลำปาง ) คือ หลวงพ่อวัดเชียงราย จ.ลำปางหลวงพ่อเป็นพระอาวุโสฯ เคยเป็นเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระแท้ที่น่าเลื่อมใส มีจิตใจงดงามฯ โดยที่คุณยายคำใส ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เป็นโยมอุปฐากของวัดคนหนึ่งด้วย และมีความคุ้นเคยและได้รับการเมตตากรุณาจากหลวงพ่อ ซึ่งส่งผลมาถึงปู่จิ๊บ ในวัยเด็กที่ได้ติดตามยายและคุณแม่ไปวัดประจำฯ จนในช่วงหนึ่งได้กลายเป็นศิษย์วัด แบบไม่เป็นทางการฯ ที่ประทับใจมิรู้ลืม มิใช่เรื่องธรรม แต่เป็นเรื่องอาหารการกินที่มากมายครบถ้วน ของคาวหวานผลไม้ดีๆ ศิษย์วัดจะ เป็นผู้รองรับอาหารถวายฯเหล่านี้ ต่อจากหลวงพ่อและพระ กินกันจนอิ่มด้วยความเอร็ดอร่อย แต่เรื่องที่เกี่ยวกับธธรมพุทธศาสนาจริงๆ ก็ตอนที่ ปู่จิ๊บจะบวชพรรษาปี 2517 โดยมาบวชกับหลวงพ่อฯ และได้แนะนำส่งต่อในการไปจำพรรษาที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์กับท่านปัญญาฯ ซึ่งเป็นพระผู้น้องฯ ถึงวันนี้ ยังคงรำลึกถึงหลวงพ่อวัดเชียงราย ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งดุแล้วมีความสุขมากจริงๆ