จากกรณีที่วัดเขาไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้งบประมาณกว่า 25 ล้านบาท สร้างอุโบสถเมื่อปี พ.ศ.2536 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2547 สร้างเสร็จนานถึง 13 ปี แต่วัดไม่สามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ สาเหตุจากปัญหาพื้นที่วัดตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ อ.ปะทิว จ.ชุมพร แต่จุดที่สร้างโบสถ์ถูกขีดเส้นจากระบบจีพีเอสแบ่งแนวเขตอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ อ.บางสะพานน้อย จึงไม่สามารถขอพระราชทานวิสุงคามสีมาได้ ก่อนทำเรื่องถึงประธานกรรมาธิการการปกครองและคณะกรรมาธิการศาสนาฯของสภาผู้สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว วันที่ 29ส.ค.64 นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าได้นำนายจงรัก ทรงรัตนพันธุ์ ผอ.สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้เขต 11 สุราษฎร์ธานี ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดชุมพร เข้ากราบนมัสการ พระครูสุนทรธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดเขาไชยราช เพื่อมอบหนังสืออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้จำนวน 7 ไร่ให้วัดได้ใช้ประโยชน์ในทางพุทธศาสนา จากนั้นภายในเดือนกันยายนนี้ ผอ.สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้เขต 10 จ.เพชรบุรี ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.ประจวบฯ จะร่วมกันถวายที่ดินเขตวัดในส่วนที่เหลือเพื่อใช้อุโบสถประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ตามปกติ ด้านพระครูสุนทรธรรมชัย กล่าวว่าที่ผ่านมาวัดใช้ประโยชน์จากอุโบสถในวันสำคัญทางศาสนา แต่ไม่สามารถประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทได้ ลงสังฆกรรมฟังสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ เป็นความลำบากของพระสงฆ์ในวัดและพุทธศาสนิกชน เนื่องจากปัญหาติดขัดเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ขัดแย้งกันในหลักการมานาน แต่หลังจากจบปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนแล้วจากนี้ไปวัดก็จะใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ นายประมวล กล่าวว่าขณะนี้ยังมีปัญหาที่ดินทับซ้อนกว่า 3,000 ไร่ ที่บ้านบางเบิด ต.ทรายทอง กับ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว ตั้งแต่ปี 2539 ขณะนี้ได้นำปัญหาเสนอคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร บรรจุเข้าวาระในการประชุม เพื่อเชิญผู้ว่าราชการทั้ง 2 จังหวัดหรือผู้แทนอธิบดีกรมการปกครองชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาพร้อมกัน หลังจากทราบว่าในอดีตทั้ง 2 จังหวัดได้นัดประชุมหลายครั้งแต่ไม่มีความคืบหน้าในทางปฏิบัติ