พิเคราะห์เศรษฐกิจไทยปีหน้าแบบชาวบ้าน ๆ แล้ว พอสรุปได้ว่าปีหน้าเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ นานาในประเทศไทยยังไปได้เรื่อย ๆ แต่ส่วนที่ชาวบ้านจะได้จากเศรษฐกิจภาคนี้ ก็เพียงแค่เงินค่าจ้างแรงงาน และที่สำคัญคือคนไทยส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรายได้จากค่าจ้างแรงงานนั้นก็ต้องใช้จ่ายอย่างกระเบียดกระเสียน เศรษฐกิจภาคส่วนที่น่าห่วงที่สุดคือ เศรษฐกิจภาคเกษตรที่ผลิตกันแบบ “ปลูกพืชเชิงเดี่ยว” คือเกษตรกรพึ่งพารายได้จากพืชผลชนิดเดียวเป็นรายได้หลัก ได้แก่ปลูกข้าวพันธุ์สุกไว หวังทำนาปีละสามรอบ , ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย สัปปะรด อย่างเดียว , ปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา อย่างเดียว เพราะแนวโน้มตลาดโลกจะกดราคารับซื้อสินค้าเกษตรปฐมภูมิ สินค้าเกษตรปฐมภูมิจะราคาตกต่ำไปทุกชนิด อุตสาหกรรมเกษตรที่ต่อยอดใช้วัตถุดิบจากสินค้าเกษตรปฐมภูมินั้นจะยังเจริญเติบโตได้กำไร เพราะกดราคาสินค้าเกษตรปฐมภูมิไว้ได้ คนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือเกษตรกรที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว แม้แต่เกษตรกรไร่อ้อย ก็ถึงคราวจะเดือดร้อนแล้ว เพราะราคาอ้อยลอยตัวแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะถูกกดราคารับซื้อ ทางออกของเกษตรกรคงจะหวังพึ่งรัฐได้ยาก เพราะกลไกตลาดโลกจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรปฐมภูมิทั่วทั้งโลกราคาตกต่ำ มิใช่จำเพาะจะต่ำแต่ในประเทศไทยเท่านั้น และรัฐบาลเกือบทั่วโลกก็ดำเนินแนวทางเศรษฐกิจตามระบบเสรีโลกาภิวัตน์กันทั้งนั้น จะไปฝืนกลไกตลาด “ดีมานด์-ซัพพลาย” ได้อย่างไร อีกทั้งภูมิอากาศทั่วโลกก็ปรวนแปรมาก หากปีหน้าไทยเกิดภัยธรรมชาติตลอดทั้งปีเหมือนปีนี้ เกษตรกรก็จะยิ่งลำบาก จะให้รัฐแจกเงินชดเชยช่วยเหลือเกษตรกรไปทั่วประเทศ ทุกฤดูกาล ก็คงไม่ไหวแน่ เกษตรกรไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัว แล้วจะปรับตัวกันอย่างไร ? ประการแรกก็คือ ต้องสร้างแหล่งรายได้ให้มากขึ้น คือปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์หลายชนิด ทำไร่นาสวนผสมผสาน ตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ประการต่อมา ต้องทำงานด้วยความรู้และเอาจริงเอาจัง จะแค่ปลูกพืชแล้วรอให้เทวดาเลี้ยง เทวดาดูแลนั้น คงจะได้ผลไม่เพียงพอ จะปลูกอะไรขาย จะเลี้ยงสัตว์อะไร จะปลูกอย่างไร จะเลี้ยงอย่างไร ต้องหาความรู้ให้ดีให้รู้จริง พืชที่ล้นตลาดแน่นอน อย่างข้าว ควรจะเปลี่ยนเป็นการเลือกผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ดี มีข้อเด่นที่จะเป็นจุดขายได้ และรวมตัวช่วยกันทำตลาด สีข้าวเองขายเอง หรือไม่ก็ทำนาปีครั้งเดียว และเลือกปลูกพืชที่ขายได้แทนการทำนาปรัง เตือนกันไว้ก่อน หากปีหน้าราคาสินค้าเกษตรปฐมภูมิไม่ตกต่ำก็ถือว่ามีโชค