คณะทำงานชุดเฉพาะกิจตรวจสอบหนังสือชุดนิทานวาดหวัง พบ 3 เล่มเนื้อหาผ่าน แต่อีก 5 เล่มอาจชักนำแนวคิดใช้ความรุนแรงแก้ไขความรุนแรง โดยไม่มีเนื้อหามีแต่ภาพ ห่วงเด็กแยกแยะความจริงไม่ได้ พร้อมส่งข้อสรุปถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปใช้พิจารณา นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษาและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เเละนโยบาย (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ในฐานะประธานคณะทำงานชุดเฉพาะกิจตรวจสอบหนังสือชุดนิทานวาดหวัง กล่าวว่า คณะทำงานชุดเฉพาะกิจดังกล่าว แต่งตั้งโดย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินงานมากว่า 3 สัปดาห์แล้ว เนื่องจาก ศธ. มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการรับผิดชอบเยาวชนในช่วงวัยเรียน มีหน้าที่ปกป้องเยาวชน โดยการทำงานดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน รวมถึงนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ความเห็นตกผลึกออกมาเป็นข้อสรุป เป็นความเห็นทางวิชาการถึงความเหมาะสมของหนังสือในแต่ละเล่มว่ามีประโยชน์อย่างไร และจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใดต่อเด็กและเยาวชน โดยไร้อคติใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ความขัดแย้งทั่วโลกถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องแก้ไขด้วยการสร้างพลังบวก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่ใช่ความรุนแรง ซึ่งคุณหญิงกัลยาฯ ให้ความสำคัญตรงนี้มาก การทำงานของคณะทำงานชุดเฉพาะกิจ มีจุดประสงค์เพื่อจะช่วยตรวจสอบสิ่งที่สังคมกำลังมีความขัดแย้ง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และ ศธ. มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการปกป้องเด็กและเยาวชน สำหรับข้อสรุปที่ได้ในวันนี้ จะรายงานต่อ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รวมถึงข้อคิดเห็นทั้งหมดจะส่งต่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาของแต่ละหน่วยงาน อาทิ สภา ความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมทั้งเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ประธานร่วมคณะทำงานชุดเฉพาะกิจฯ กล่าวว่า มุมมองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษาคณะทำงานชุดเฉพาะกิจครั้งนี้ คือ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ให้ความเห็นว่า หนังสือนิทานชุดนี้ ผู้จัดทำระบุไว้ว่าเหมาะกับเด็กในระดับอายุ 5-12 ปี โดยในข้อเท็จจริงทางการแพทย์ เด็กที่มีอายุ 6 ขวบปีแรกจะยังไม่สามารถแยกแยะโลกแห่งจินตนาการและโลกความเป็นจริงได้ หากได้รับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เด็กเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันสร้างสังคมคุณธรรมที่เป็นสังคมเชิงบวก เพื่อปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน และสร้างสื่อที่สร้างสรรค์ ซึ่งจากการประชุมพิจารณาหนังสือชุดนิทานวาดหวังทั้ง 8 เล่มนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า หนังสือชุดนิทานวาดหวังมีทั้งเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และเนื้อหาที่อาจนำไปสู่การบ่มเพาะปลูกฝังความขัดแย้ง รุนแรง โดยนิทานเรื่องที่เป็นประโยชน์และควรให้การสนับสนุน ได้แก่ 1) นิทานเรื่องตัวไหนไม่มีหัว ซึ่งมีจุดอธิบายและขมวดปมได้ว่าตัวอักษรทุกตัวมีความเท่าเทียมกัน สอนเด็กให้เรียนรู้ถึงความเท่าเทียม และเคารพความเห็นต่างของแต่ละบุคคล ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี 2) เรื่องแค็ก แค็ก มังกรไฟ สอนให้เด็กรู้จักรักสิ่งแวดล้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ปกป้องไฟป่า ร่วมมือร่วมใจดับไฟป่า 3) เรื่องเด็ก ๆ มีความฝัน ถือเป็นหนังสือที่ตอบโจทย์ทุกคนรวมถึงเยาวชน เพราะท้ายที่สุดเด็กทุกคนมีความฝัน เป็นเสรีภาพในการใช้ชีวิต ซึ่งในมุมมองนักวิชาการหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้เป็นหนังสือที่ดี น่าชื่นชม เด็กและเยาวชนสามารถนำไปใช้เรียนรู้ได้ทุกช่วงอายุ ส่วนหนังสือที่มีเนื้อหาเข้าข่ายควรระวัง ตามความเห็นของนักวิชาการ ที่มองว่าอาจบ่มเพาะเยาวชนให้นำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งโดยการใช้ความรุนแรง มาตัดสินในอนาคตได้นั้น ได้แก่ 1) หนังสือเรื่องแม่หมิมไปไหน 2) เรื่องเป็ดน้อย 3) เรื่องเสียงร้องของผองนก 4) เรื่อง 10 ราษฎร5) เรื่อง จ จิตร ซึ่งหนังสือทั้ง 5 เล่มนี้ไม่มีเนื้อหา มีแต่การเล่าเรื่องโดยภาพ ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะเด็กวัยนี้จะเกิดการจดจำและแยกแยะความเป็นจริงไม่ได้ อาจเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ ส่วนนี้จึงเป็นข้อกังวลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจจะบ่มเพาะความรู้สึกรุนแรงต่อเด็กและเยาวชนได้ จึงมีความไม่สบายใจหากหนังสือทั้ง 5 เล่มนี้ถูกนำไปใช้ จึงอยากวิงวอนให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งครู ผู้ปกครอง ช่วยตรวจตรา ให้คำชี้แนะ ระวังบุตรหลานของท่าน ข้อสรุปจากการประชุมในวันนี้ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คณะทำงานชุดเฉพาะกิจฯ ดำเนินงานโดยปราศจากอคติโดยสิ้นเชิง และใช้หลักวิชาการในการตรวจสอบ โดยไม่ได้ทำหน้าที่ในการตัดสินถูกผิด แต่ยึดถือประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ พบหนังสือชุด "นิทานวาดหวัง" 5 เล่มเข้าข่ายบ่มเพาะความรุนแรง ห่วง!เด็กเลียนแบบ อีก 3 เล่มเนื้อหาผ่าน หลังผู้เชี่ยวชาญพบ 5 เล่มอาจชักนำแนวคิดใช้ความรุนแรงแก้ไขความรุนแรง โดยไม่มีเนื้อหามีแต่ภาพ ห่วงเด็กแยกแยะความจริงไม่ได้