วันที่ 26 พ.ค.65. ที่ศาลอาญาฯ รัชดา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมาฟังการไต่สวนผู้ร้องขอประกัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นักกิจกรรมอายุ 20 ปี ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.65 ซึ่งการขอประกันในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการยื่นขอประกันครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 พ.ค.65 แต่ศาลได้นัดให้มาไต่สวนผู้ร้องขอประกันวันนี้ ก่อนนำไปสู่การพิจารณาต่อไป พิธา กล่าวว่า วันนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 3 ที่จะมาประกันตัวตะวัน หลังจากเขาอดข้าวมา 30 กว่าวันแล้ว ซึ่งถือเป็นสิทธิในการประกันเพื่อออกมาสู้คดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตนยินดีที่จะทำทุกวิธีทางตามกรอบกฎหมายเพื่อพาตะวันออกมา ส่วนการยื่นประกันยังคงจะตำแหน่ง ส.ส.เหมือนเดิม ขณะที่ ทนายกฤษฎางค์ ระบุว่า วันนี้ศาลนัดตนและพิธา มาไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราว ตะวัน สำหรับการไต่สวนการขอปล่อยตัว โดยศาลจะสอบว่า หากอนุญาตและเกิดกรณีการผิดเงื่อนไขสัญญาขอประกันผู้ร้องจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งวันนี้พ่อแม่ของผู้ถูกกล่าวหาก็เดินทางมารับฟังการไต่สวนขอประกันด้วย ส่วนสุขภาพของตะวันทราบว่า แม้ทางเรือนจำมีแพทย์ดูแลแต่ตอนนี้สุขภาพทรุดโทรมลงมาก "หลักตามรัฐธรรมนูญ จะปฏิบัติต่อคนที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุดว่าเป็นคนผิด ปฏิบัติต่อเขาไม่ได้ แปลว่า เราจะปฏิบัติต่อเขาเสมือนประหนึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ เพราะมันเป็นกรณีที่รัฐเป็นฝ่ายกล่าวหาเป็นฝ่ายบริหาร ในขณะที่ศาลเป็นอำนาจอธิปไตยที่เป็นกลางที่จะต้องไม่ฟังสิ่งที่ตำรวจอ้าง แต่ให้เสนอหลักฐานมา เพราะถ้าไปเชื่อถือตำรวจเสียแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร" ทั้งนี้ การนัดไต่สวนผู้ร้องขอประกันวันนี้ ไม่ได้มีการเบิกตัว ตะวัน ออกมาจากเรือนจำโดยให้ผู้ถูกกล่าวหาวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังศาลเท่านั้น สำหรับ ตะวัน ถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.65 โดยเริ่มอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว มาแล้วเป็นระยะเวลารวม 37 วันแล้ว ซึ่งมีรายงานว่าสุขภาพ ตะวัน ตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่จากการอดอาหารเป็นเวลานาน ร่างการผอมซูบ มีเลือดออกตามไรฟันและหน้ามืดตลอดเวลาจนไม่มีแรงแม้กระทั่งเขียนหนังสือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการนัดไต่สวนผู้ร้องขอประกัน ตะวัน มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาถือป้ายให้กำลังใจผู้ถูกกล่าวหาบริเวณหน้าศาลอาญาฯ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยก็มีการเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งดูแลอยู่บริเวณโดยรอบ