"ช้างศึก" ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เตรียมแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย กลุ่ม B นัดที่ 5 พบ "จิงโจ้" ออสเตรเลีย วันที่ 15 พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จากนั้นจะเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016" รอบแรกกลุ่ม เอ เตะที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เริ่ม 19 พ.ย. ทั้งนี้ นักเตะทีมชาติไทย 2 ชุด รวม 23 คน เข้ารายงานตัว วันที่ 28 ต.ค. เวลา 11.00 น. ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จากนั้นคณะนักเตะ เดินทางไปถวายบังคมพระบรมศพ บริเวณพระบรมมหาราชวัง ก่อนที่รุ่งขึ้นจะเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อม ที่ กิเลนวัลเลย์ จ.นครราชสีมา "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า ทีมงานได้วางแผนการซ้อมไว้เบื้องต้น สัปดาห์แรก จะเน้นเรื่องเร่งสภาพความฟิต เสริมสร้างร่างกาย ด้วยการ เล่นเวตเทรนนิ่ง, แอโรบิค ฯลฯ เพราะนักเตะหยุดโปรแกรมแข่งขันพอสมควร หลังจากฟุตบอลลีกยุติไป จากนั้นในสัปดาห์ที่ 2 จะใส่แท็คติกเพิ่มเติม รวมทั้งทบทวนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมดวลกับ ออสเตรเลีย ส่วนช่วง 3-4 วันสุดท้าย จะผ่อนเครื่องลง ให้ได้ฟื้นร่างกาย และจะมาเน้นเรื่องลูกเซ็ตพีซแทน "ช่วงแรกคงต้องเรียกความฟิต เพราะนักเตะไม่มีโปรแกรมแข่ง แต่จริงๆแลื้ว ทุกคนก็รักษาร่างกายมาอย่างดี เพราะตั้งใจกับเกมนี้มาก จะเล่นให้ดีที่สุด เพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" โค้ชซิโก้ กล่าว ด้าน “โค้ชเฮง”วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิคสมาคมฟุตบอลกล่าวว่า โอกาสของทีมชาติไทยในเกมฟุตบอลโลก 2018 เราก็ต้องพยายามเก็บแต้มให้ได้ ซึ่งมีโอกาสอยู่บ้าง ขณะที่ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “ซูซูกิ คัพ” มองว่าคู่แข่งที่น่ากลัวคือ ฟิลิปปินส์ เพราะมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ส่วนทีมชาติไทยนั้น หากใช้ชุดใหญ่ลงแข่งขัน โอกาสที่เราจะเป็นแชมป์นั้นค่อนข้างสูง