รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล ถึงแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 19 วัน แต่พสกนิกรชาวไทยนับล้านๆ คนที่ยังคงโศกเศร้าอาดูรเข้าคิวถวายความอาลัยรัก “พระบรมศพ” แด่ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” อย่างเนืองแน่นที่ศาลาสหทัยสมาคม พร้อมทั้งรายล้อมพระบรมมหาราชวังนับวันละหลายหมื่นคนทีเดียว! ว่าไปแล้ว ความอาดูรของคนไทยนั้น ต้องยอมรับว่า คนไทยสวมเสื้อดำหรือขาวกันถ้วนหน้า แต่ถ้าใส่สีขาวจะมีการติดริบบิ้นสีดำ กล่าวภาษาชาวบ้านว่า “สีดำ-เทา-ขาว” กันถ้วนทั่วทุกหัวระแหง ส่งสัญญาณว่า “พระองค์ท่าน” คือ “พ่อหลวง-พ่อของแผ่นดิน” อย่างแท้จริง! ตั้งแต่ผมเกิดมาจนปัจจุบันมีอายุ 64 ปี ต้องยอมรับว่า รู้จักพระองค์ท่านตั้งแต่ลืมตาดูโลก เห็นพระพักตร์พระองค์ท่าน ทั้งในธนบัตร ในพระบรมฉายาลักษณ์ ตามปฏิทิน ที่ทุกบ้านต้องมีไว้ประดับเพื่อสักการะบูชา เนื่องด้วยพระองค์ทรงเยี่ยมอาณาประชาราษฎร์ทุกหย่อมหญ้า โดยมิได้รู้จักเหนื่อยยาก เราคงจำภาพเหตุการณ์ต่างๆ อย่างมากมายตามต่างจังหวัดที่มีแต่เด็กตัวเล็กกราบน้อมพระบาทพระองค์ท่าน หรือทรงนั่งยองๆ สนทนาพูดคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่อย่างไม่ถือพระองค์ หรือนั่งลงกับพื้นหลังพิงรถยนต์ พร้อมถือแผนที่ทรงตรวจผืนแผ่นดินไทยทุกหย่อมหญ้า จนแม้กระทั่ง “เม็ดเหงื่อ” ไหลย้อยติ่งที่ปลายจมูกพระองค์ท่าน ภาพต่างๆ เหล่านี้มีนับหมื่นนับแสนหรือนับล้านรูปที่เราได้เห็นมาตลอดชีวิต นำความปลาบปลื้มใจแก่พสกนิกรของพระองค์ท่าน แม้นกระทั่งชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่งมั่งค่า ยังคงน้อมรับพระทัยในความโศกเศร้าที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต จนกระทั่งผู้นำแต่ละประเทศต่างส่งสาสน์แสดงความเสียใจอย่างล้นพ้นที่พระองค์ท่านทรงเสด็จสวรรคต หรือแม้กระทั่งเดินทางมายังศาลาสหทัยสมาคมด้วยตนเอง สหประชาชาติ ยังลดธงครึ่งเสาพร้อมยืนไว้อาลัยในที่ประชุมสหประชาชาติ หรือกล่าวได้ว่า “ชาวโลกต่างไว้อาลัย” จากการที่พระองค์ท่านได้ทรงจากเราไป แทบเรียกว่าทุกประเทศทั่วโลกต่างร่วมไว้อาลัยกับชาวไทย จนกระทั่งวันที่ 29 ตุลาคม ทางสำนักพระราชวังจะให้พี่น้องประชาชนเข้ากราบพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งน่าเชื่อว่า จะมีประชาชนเข้าร่วมกราบพระบรมศพนับหลายหมื่นคนทีเดียว จนครบหนึ่งปี แล้วจึงจะมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ พระบรมราชโองการของพระองค์ท่านนั้นมีมากมายหลากหลาย แต่ที่ผมจำแม่นที่สุดคือ “การสนับสนุนคนดีให้มีส่วนช่วยบริหารปกครองบ้านเมือง อย่าให้คนไม่ดีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารชาติบ้านเมือง เพราะคนดีนั้น จะคิดดี ทำแต่ความดี มีความละอายแก่ใจ ไม่กล้าทำในสิ่งที่ไม่ดี เมื่อเรามีคนดีมาเสียสละบริหารประเทศชาติ ประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรืองต่อไป!” นั่นคือ พระบรมราชโองการเท่าที่ผมจำความได้ โดยอาจไม่เบี่ยงเบนมากไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นพระบรมราชโองการดังกล่าวนี้ นอกเหนือจากมากมายหลากหลายพระบรมราชโองการ ตลอดจนพระราชดำรินั้นที่คนไทยต้องน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม เพื่อถึงเวลาแล้วที่เราจำต้องน้อมนำใส่ศีรษะเพราะสร้างความดีเพื่อพัฒนาชาติต่อไป แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น ที่เราต่างต้องตระหนักพร้อมรำลึกให้ได้ ขอย้ำว่า “ต้องสนับสนุนคนดี” แต่อย่าลืมว่า “เราต้องเดินหน้าพัฒนาประเทศชาติต่อไป” เหตุผลสำคัญเพราะ “ชาติบ้านเมืองหยุดไม่ได้!” ต้องยอมรับ “ความเด็ดเดี่ยว-ความเป็นผู้นำ” ของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถึงแม้จะโศกเศร้า แต่ “ความเป็นหทาร” และ “ความเป็นลูกผู้ชาย” ต้องบากบั่นอดทนและ “เดินหน้าประเทศชาติให้เดินต่อไปได้” ด้วยเดินตามโรดแม๊ปในการพัฒนาประเทศอย่าง “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยายามกำหนดนโยบายในการสร้างความมั่นคง พร้อมทั้งพัฒนาเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้จนปลายปี 2559 นี้ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ “จีดีพี (GDP)” น่าจะโตประมาณ 3.2-3.3% รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ที่ดูแลด้านกฎหมาย ซึ่งมิใช่เพียงแค่นั้น แต่ยังต้องพิจารณากระบวนการขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญที่กำลังจะทูลเกล้า เสนอต่อสมเด็ตพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร และต้องยึดในกฎมณเฑียรบาลกับจารีตประเพณีที่ต้องอาศัยเวลา จิตวิทยาของสังคม และไม่สำคัญเท่ากับว่า พระประสงค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ดังกล่าวไว้ข้างต้นว่า “โลกไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่” ทั้งๆ ที่ชาวไทยทุกคนยังคงอยู่ในอาการและอารมณ์โศกเศร้า แต่เราต้อง “พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก” อยู่ตลอดเวลาที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซเชียลออนไลน์ ที่อาจมีการบิดเบือนข้อมูลบ้างแต่ก็น้อยนิดเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดจาก “โรคจิต” ก็เป็นได้ แต่ประชากรโลกส่วนใหญ่แล้วเทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณและบุญบารมีของพระองค์ท่านเสมอมา การเดินหน้าประเทศไทยนั้นต้องอาศัย “ผู้นำ” ที่ “แข็งแกร่ง” แต่ต้องมีเหตุผล โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา “ยกมือไหว้” สื่อมวลชนเพื่อขอบคุณในการสร้างความร่วมมือให้คนไทยได้ร่วมรักกันและถวายความจงรักภักดี แต่ที่สำคัญที่สุดคือ “คนไทยถึงแม้โศกเศร้าแต่ต้องบากบั่นเพื่อให้ชาติเดินหน้าอย่างยั่งยืนให้ได้!” เหตุผลเพราะว่า ชาติบ้านเมืองมิได้หยุดยั้ง เนื่องด้วยโลกมิได้หยุดยั้ง ชาวโลกต้องเผชิญกับสารพันปัญหาไม่ว่า สงคราม การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ ภัยเศรษฐกิจ ที่ไม่เคยหยุดหย่อน เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกนาที คนไทยต้องรักกัน ไม่สมควรแบ่งแยกสี เนื่องด้วยการที่คนไทยใส่เสื้อสีดำขาวด้วยหัวใจเดียวกัน คือ “อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพ่อหลวงเรา!” เราจึงต้องรักชาติบ้านเมือง มิควรทุจริตคดโกงด้วยความเห็นแก่ตัว น่าจะถึงเวลาแล้วที่เราต้องผนึกกำลังกับการทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเรา เพื่ออนาคตของคนไทย!