กอ.รมน.ประชุม "หน่วยขึ้นตรง" ย้ำเจตจำนง "มุ่งส่งเสริมคุณธรรม -ความโปร่งใส -ปลอดทุจริต" พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยผลการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ครั้งที่ 1/2562 เป็นการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยมีผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของ กอ.รมน. (ส่วนกลาง) และผู้แทนของ กอ.รมน.ภาค 1 - 4 เข้าร่วมประชุมฯ มี พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุม โดยได้มีคำประกาศเจตจำนงสุจริตของผู้บริหารสูงสุด กอ.รมน. และมาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ กอ.รมน. เพื่อแสดงถึงเจตจำนงของผู้บริหารของ กอ.รมน. ที่มุ่งเน้นส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ กอ.รมน. และเจตนารมณ์ในการดำเนินงานให้ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานปลอดจากทุจริตอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงมาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ กอ.รมน.ในด้านความโปร่งใส โดยพัฒนาระบบการรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ แก้ไขข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างของ กอ.รมน. ให้มีความโปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน ด้านความพร้อมในการปฏิบัติงาน ให้ยึดถือหลักกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งและระเบียบการปฏิบัติงานของทางราชการ พร้อมทั้งให้ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์หลักการ แนวคิดเกี่ยวกับการต่อต้านทุจริต และให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ทับซ้อนให้แก่บุคลากรภายใน กอ.รมน. พล.ต.ธนาธิป กล่าวต่อว่า ด้านความปลอดจากทุจริตในการปฏิบัติงาน ได้มีการจัดทำและเผยแพร่เจตจำนงสุจริต และมาตรการส่งเสริมความโปร่งใสของ กอ.รมน.ปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามแนวทาง ที่กำหนดไว้ อันเป็นประโยชน์ให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใสปลอดจากทุจริต ด้านวัฒนธรรมองค์กร ได้จัดทำแผนป้องกันการทุจริตของ กอ.รมน. ปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เพื่อกำหนดแนวทางในการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองหรือบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ทุกระดับต้องไม่รับของขวัญ ของกำนัล ที่มีมูลค่าหรือคิดเป็นมูลค่าเกินสามพันบาท ด้านคุณธรรม การทำงานในหน่วยงาน โดยจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานให้เป็นมาตรฐานให้เจ้าหน้าที่ในการดำเนินงาน รวมทั้งบริการงานบุคลากรอย่างเป็นธรรม เปิดโอกาสให้บุคลากรในหน่วยมีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงนโยบาย และกระบวนการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน ด้านการสื่อสารภายในหน่วยงาน ได้จัดให้มีกระบวนการหรือวิธีการในการถ่ายทอดเจตจำนงสุจริตของผู้บริหารและมาตรการทั้ง 6 ด้าน ให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรับทราบ เพื่อให้เกิดความตระหนัก และให้ความสำคัญถึงการปฏิบัติที่มีคุณธรรมความโปร่งใส พล.ต.ธนาธิป กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการเตรียมประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมติ ครม. ได้มีมติ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.61 เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในเขตพื้นที่ อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี, อำเภอจะนะ, อำเภอนาทวี, อำเภอเทพา, อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา, อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.61 - 30 พ.ย.62 และมติ ครม.เมื่อวันที่ 15 ม.ค.62 เห็นชอบให้เขตพื้นที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ระหว่าง 15 ม.ค.62 - 30 พ.ย.62 ทั้งนี้ ให้ใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติตามกฎหมายทดแทน และมอบหมายให้ กอ.รมน. เป็นผู้รับผิดชอบจัดทำแผนปฏิบัติการเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้ความเห็นชอบ โดยจะกำหนดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาความเห็นชอบและอนุมัติต่อไป นอกจากนี้ในเรื่องของการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนประมงพื้นบ้าน จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุม ครม.ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 8 ม.ค.62 ได้แจ้งที่ประชุมฯ เกี่ยวกับการเดินทางไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งพบว่าประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก จึงได้มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงกลาโหม (เหล่าทัพ) พิจารณาดำเนินการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ ผู้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ที่พักอาศัย สภาพความเป็นอยู่ และอื่นๆ โดยทันที เพื่อให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้เลขาธิการ กอ.รมน. ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือฯ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 15 ม.ค.62, 13.30 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี โดยการประชุมฯ ได้จัดทำแบบสำรวจฯ ให้กับชาวประมงพื้นบ้าน โดยให้ กอ.รมน.ภาค 1 และ กอ.รมน.ภาค 4 รวมทั้งกอ.รมน.จังหวัด (ชายทะเล) 22 จังหวัด นำไปรวบรวมข้อมูล (การรวมกลุ่มประกอบอาชีพในลักษณะวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และความต้องการช่วยเหลือด้านอื่นๆ ) เพื่อนำมาประกอบการวิเคราะห์ และเตรียมรับการช่วยเหลือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องภายในวันพฤหัสบดีที่ 31 ม.ค.62 และวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ.62 พล.ต.ธนาธิป กล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องที่สี่ การกำหนดมาตรการควบคุมการประกอบการธุรกิจรับ-ส่งสินค้า และพัสดุภัณฑ์ ตามที่ ผู้บัญชาการทหารบก,เลขาธิการคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ,รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้เป็นประธานการประชุมผู้บริหารบริษัท, ผู้ประกอบการธุรกิจรับ-ส่งสินค้า และพัสดุภัณฑ์ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือในการกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เมื่อวันอังคารที่ 15 ม.ค.62, 0900 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กอ.รมน. จากผลการประชุมได้สั่งการให้ กอ.รมน. ดำเนินการ จัดตั้งศูนย์รับแจ้งการตรวจพบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อรับแจ้งจากบริษัทฯ ในการดำเนินการต่อยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย จะให้ความสำคัญเร่งด่วนในเรื่องยาเสพติดเป็นอันดับแรก ตามนโยบายของรัฐบาล ทัั้งนี้ได้พิจารณาใช้เครื่องมือที่มีอยู่ดำเนินการ แยกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน การใช้สายด่วน 1386 ของสำนักงาน ปปส. ปัจจุบันอยู่ในการหารือในรายละเอียดการดำเนินงานระหว่าง กอ.รมน. กับ ปปส. ส่วนระยะต่อไป การใช้สายด่วนความมั่นคง 1374 ของ กอ.รมน. ปัจจุบันสายด่วน 1374 อยู่ในระหว่างการพัฒนาระบบเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง กอ.รมน.(ส่วนกลาง), กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด พล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า การขอความร่วมมือจากบริษัทฯ ในการติดตั้งระบบ CCTV และตรวจบัตรประชาชนของผู้ใช้บริการ ณ จุดรับบริการ ซึ่งต้องแจ้งให้ผู้ที่ใช้บริการรับทราบด้วย การขอให้ผู้ใช้บริการมาบรรจุหีบห่อสิ่งของ ณ จุดรับบริการ เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นสิ่งของประเภทใด และการติดตามสิ่งของระหว่างการขนส่ง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีสภาพการบังคับใช้แก่บริษัทฯ และหารือกับบริษัทฯ เพื่อให้เกิดการยอมรับในภาคการปฏิบัติ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินการ และมาตรการที่เหมาะสมต่อไป