รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ติดตามตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าโรงเรียนร่วมพัฒนา partnership School project ของโรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทมิตรผล ร่วมพัฒนานวัตกรรมใช้สื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิต และทักษะอาชีพให้กับนักเรียน ที่โรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล นายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนร่วมพัฒนา partnership School project ของ โรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ นายอำเภอกุฉินารายณ์ นายอภิวัฒน์ บุญทวี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานอ้อย 1 นายสุนทรา หันชัยศรี รองผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 ดร.ปิยพงศ์ สุ่มมาตย์ รองผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายเทวกุล ปัทมะสุวรรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานวิศวกรรมและประกันคุณภาพ นายคมสันต์ เหล่าจูม ผู้อำนวยการด้านโรงงาน นายคำสี แสนศรี ผู้อำนวยการด้านอ้อย นายสุเทพ สาสังข์ ผู้อำนวยการด้านทรัพยากรบุคคลกลุ่มงานอ้อยและโรงงาน นางสาวคุณกรรณิกา ว่องกุศลกิจ รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาชุมชนเพื่อความยั่งยืน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนให้การต้อนรับ โดยโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา เป็นแนวคิดการสร้างนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษา ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และบริษัท มูลนิธิ องค์กร หรือสถาบันที่สนับสนุนทรัพยากรและมีส่วนร่วม ในการบริหารให้กับสถานศึกษา ซึ่งเป็นส่วนขยายของสถานศึกษา โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้านต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาและข้อเสนอแนะของมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยในเป้าหมายการพัฒนา 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน การพัฒนาครู การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ สำหรับโรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ มีนักเรียนทั้งหมด 147 คนมีจำนวนห้องเรียน 11 ห้อง บุคลากรทั้งหมด 17 คน ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนายสุพรรณ์ แก้วนิสสัย เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทมิตรผลร่วมพัฒนานวัตกรรมใช้สื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิต และทักษะอาชีพให้กับเด็กนกเรียน โดยมีโรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์เป็นผู้ดูแลอยู่ในพื้นที่ ด้านศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทร รมช.ศธ. กล่าวว่า การลงพื้นที่โรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ครั้งนี้ เป็นการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ซึ่งโรงเรียนสมสะอาดพิทยาสรรพ์ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ซึ่งเดิมโรงเรียนได้อยู่ในโครงการโรงเรียนประชารัฐ โดยมีกลุ่มบริษัทมิตรผลให้การสนับสนุนเพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษา โดยเข้ามาเป็นกรรมการบริหารสถานศึกษา ช่วยเหลือในการขับเคลื่อนบริหารจัดการโรงเรียนซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะความคิดในเชิงภาคเอกชน จะเป็นประโยชน์ ทำให้การทำงานมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ ศาสตราจารย์คลินิก กล่าวต่อว่า สำหรับโรงเรียนร่วมพัฒนา เป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งกระทรวงศึกษาธิการพยายามจะยกระดับคุณภาพด้านการศึกษาโดยตั้งเป้าไว้อยากให้มีโรงเรียนในทุกเขตพื้นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันทั้งหมด คือการส่งลูกหลานเข้าเรียนโรงเรียนในพื้นที่ก็ได้ผลเหมือนเรียนโรงเรียนในเมือง แต่ในช่วงแรกอาจยังทำไม่ได้ทุกโรงเรียน โดยจะเลือกโรงเรียนที่มีศักยภาพมาเป็นโรงเรียนต้นแบบก่อน โดยโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาในปัจจุบันดำเนินการเป็นรุ่นที่ 2 โดยในรุ่นแรกมีโรงเรียนในโครงการ 50 โรงเรียน และปัจจุบันรุ่นที่ 2 มีโรงเรียนในโครงการ 189 โรงเรียนครอบคลุมทั้งหมด 77 จังหวัด “นอกจากนี้ในส่วนของการเรียนรู้ยังต้องการให้มีการปรับหลักสูตร เพื่ออนาคต ซึ่งเป็นหลักสูตรเพื่อเตรียมอาชีพ เตรียมทักษะชีวิตใหม่ให้กับลูกหลาน ที่จะต้องเผชิญกับอนาคตข้างหน้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในยุคศตวรรษที่ 21 โดยให้มีการปรับการเรียนในห้องเรียนให้ลดลง เน้นการเรียนในสถานที่จริง เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เช่น การเรียนในแปลงเกษตร การเรียนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญ เพราะการเรียนในสถานที่จริง เป็นการกระตุ้นให้เกิด การเรียนรู้ เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่จะต้องนำไปสร้างนวัตกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กรและ กระทรวงศึกษาธิการ ให้อิสระในการบริหารใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เชื่อว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ กระทรวงศึกษาธิการก็จะลดบทบาทลง โดยเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจนี้ แต่จะไม่ควบคุมดูแลทั้งหมด เพื่อร่วมกันพัฒนาให้ ทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้เหมือนกัน และเป็นการวางพื้นฐานให้คนรุ่นใหม่เป็นคนที่มีคุณภาพและมีศักยภาพในการยกระดับประเทศไปสู่ระดับนานาชาติต่อไป” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว