นี่คือภาพเหตุการณ์ความสูญเสียของ 1 ชีวิตคือผู้ที่อยู่ในภาพคือนายภาณุวัฒน์ บรรจงช่วย อายุ 35 ปี ขณะที่ชายหนุ่มคนนี้เดินออกมาจากบ้านและเก็บสายสื่อสารที่ขาดโยงลงมาจากเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน ใน อ.เภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ถูกกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลผ่านสายสื่อสารช๊อตล้มลงกองกับพื้นก่อนที่ญาติและเพื่อนบ้านพยายามให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมาแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตชายหนุ่มคนนี้ไว้ได้ กลายเป็นความสูญเสียของครอบครัวจากเหตุการณ์นี้ และช่วงเย็นของวานนี้ทีหน้าที่ว่าการอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นายห่วง บรรจงช่วย อายุ 69 ปี บิดาของนายภาณุวัฒน์ผู้เสียชีวิต อยู่บ้านเลขที่ 36 ถนนเชียรใหญ่ – บ่อล้อ เขตเทศบาลตำบลเชียรใหญ่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมครอบครัว ญาติ และชาวบ้านประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีนายกิตติพงษ์ ชุมมิ่ง ปลัดอำเภอ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ออกมารับเรื่องร้องเรียน นายห่วงระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ วันที่ 25 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ขึ้นตามภาพจากกล้องวงจรปิด ลูกชายได้เข้าไปเก็บสายสื่อสารที่ขาดห้อยอยู่หน้าบ้านแต่กลายเป็นความสูญเสียของครอบครัวครั้งใหญ่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นพนักงานสอบสวน สภ.เชียรใหญ่ ได้เข้าทำการชันสูตรพลิกสพลูกชายและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดจนสามารถชี้ได้ว่าสายสื่อสารที่เกิดเหตุนั้นเป็นของบริษัททีโอทีจำกัด (มหาชน) ขณะที่นางสาวอิศริยา บรรจงช่วย อายุ 37 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า หลังเกิดเหตุ จนกระทั่งถึงบัดนี้ ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้งบริษัททีโอทีเจ้าของสายสื่อสารที่พาดผ่านหน้าบ้านและเป็นเส้นที่ขาดลงมาขวางหน้าบ้าน เส้นที่เกิดเหตุ การไฟฟ้า และองค์กรปกครองท้องถิ่นโดยในการร้องเรียนครั้งนี้ได้ทำหนังสือพร้อมทั้งคลิปวีวีโอจากกล้องวงจรปิดในขณะเกิดเหตุมาเป็นหลักฐาน ในการเรียกร้องครั้งนี้ นายสุเทพ รัตนรัตน์ อายุ 63 ปี ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกฉบับเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดระเบียบสารสื่อสารที่รุงรังอยู่บนเสาไฟฟ้าแทบทุกเส้นทาง เนื่องจากเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุทาหรณ์และเป็นบทเรียนสำคัญขออย่าให้เกิดขึ้นอีก และขอให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังของผู้รับผิดชอบ กรณีสายสื่อสารที่เกิดขึ้นนั้นชัดเจนว่า ผิดระเบียบคือห้ามพาดสายสูงกว่าสายไฟแรงต่ำ และต้องอยู่ห่างจากโคมไฟถนนหรือสายแรงต่ำไม่น้อยกว่า 30 ซม.แต่กรณีที่เกิดขึ้นพบว่าทั้สายไฟฟ้าและสายสื่อสารอยู่ในชุดเดียวกัน จะรอคำตอบจากผู้เกี่ยวข้องภายใน 7 วัน หากไม่มีความรับผิดชอบจากผู้เกี่ยวข้องอีก ตนและชาวเชียรใหญ่จะรวมตัวกันเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อรักษาและเรียกร้องสิทธิ์อันพึงมีของประชาชน ทั้งนี้หลังรับหนังสือร้องทุกข์ นายกิตติพงศ์กล่าวว่า จะรีบนำเรื่องเสนอนายอำเภอเชียรใหญ่ เพื่อประสานไปยังรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผวจ.นครศรีธรรมราช อย่างเร่งด่วน. กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล / นครศรีธรรมราช