ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย เมื่อ FB เปิดตัวเงิน Cryptocurrency สกุลใหม่ให้ชื่อว่า Libra ภายหลังจากที่ Bitcoin ได้เข้ามามีบทบาทในวงการ การเงินหลายปีแล้ว แต่ที่ Libra เป็นที่สั่นสะเทือนในวงการเงินอย่างมาก เพราะ FB ได้วางกลยุทธที่รัดกุมและแตกต่างจาก Bitcoin หรือ Cryptocurrency สกุลอื่นๆ ซึ่งอาจสรุปได้ดังนี้ 1.Libra เป็นระบบการเงินพื้นฐานที่จะใช้ในการเป็นสื่อกลางแห่งการแลกเปลี่ยนแทนธนบัตร เพราะ Libra เป็นสกุลเงินที่มีทุนสำรองค้ำประกันเช่นเดียวกับเงินตราสกุลต่างๆของแต่ละประเทศ แต่เงิน Digital สกุลอื่นๆ เช่น Bitcoin ไม่มีทุนหนุนหลัง และยังสามารถขุดขึ้นมาจากโปรแกรมที่สลับซับซ้อนได้เพิ่มเติม จึงไม่มีเสถียรภาพที่สำคัญเงินดิจิทอลนั้นออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้เพื่อการลงทุนมากกว่า 2.เป็นระบบทางการเงินที่มีต้นทุนสำหรับผู้ใช้ต่ำสุด ถูกกว่าการโอนเงินโดยระบบธนาคารที่เรียกว่า Swift ถึง 10 เท่าโดยประมาณ ไม่มีการเสียค่าธรรมเนียมและในอนาคตอาจไม่มีต้นทุนเลยในการโอนหรือจ่ายเงิน 3.Libra ใช้โปรมแกรมแบบ Open Source ในระบบของ Block Chain ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าของข้อมูล จึงไม่มีใครจะสามารถบิดเบือนและเข้ามาแทรกแซงตลาดได้ (เป็นคำกล่าวอ้างของ FB) 4.ไม่ต้องพึ่งพาระบบธนาคาร เช่น การโอนเงินทั้งภายในและระหว่างประเทศสามารถทำได้เลยโดยใช้โทรศัพท์มือถือ และไม่มีค่าใช้จ่ายหรือถ้ามีก็ต่ำมาก 5.ป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เพราะใช้เงินสกุลเดียวกันคือ Libra สำหรับการจัดการเรื่องเงินทุนสำรองนั้น ทีมงาน FB จัดตั้งโดยมีกลุ่มพันธมิตรที่เข้มแข็งถึง 27 องค์กร เช่น Visa Mastercard Uber Paypal Spotify ebay Lyfy Vodafone ซึ่งล้วนแล้วแต่มีเครือข่ายเกี่ยวกับการจ่ายเงินการซื้อการขายและโทรคมนาคม นอกจากนี้ FB ยังมี Application หลายตัวที่จะใช้ในการทำธุรกรรมกับลูกค้าได้ รวมทั้ง Whatsapp ประการต่อมา FB ยังจัดตั้งองค์กรขึ้นมาควบคุมการบริหารงานการเงิน โดยเฉพาะชื่อว่า Libra Association Council ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งจะต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเพื่อที่จะไม่ให้คนที่มีทุนมากเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในสภานี้ทาง FB ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะออกเสียงได้ไม่เกิน 1% ของหุ้นทั้งหมดในสภา ซึ่งเงินเหล่านี้ก็คือ เงินทุนสำรองที่ไปเป็นหลักประกันเงิน Libra ทั้งนี้อาจจะอยู่ในรูปอื่นๆ เช่น พันธบัตร หรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม FB ยังเปิดช่องให้องค์กรที่มาร่วม อาจมอบสิทธิให้มหาวิทยาลัยหรือองค์กรไม่หวังผลกำไร เช่น มูลนิธิเป็นตัวแทนในการออกเสียงได้ ซึ่งก็ทำให้ผู้ที่มีทุนจำนวนมากทำการกระจายสิทธิไปได้หลายหน่วย และทำให้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจโดยอ้อมได้ นอกจากนี้ในการลงทุนร่วมกันนี้ก็น่าจะมีองค์กรทางธุรกิจเข้าร่วมอีกเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นการลงทุนที่เสี่ยงน้อยและยังได้ผลประโยชน์สูง เนื่องจากเงินที่ลูกค้าจ่ายให้กองทุนก็จะมีจำนวนมากขึ้นเป็นเงาตามตัวของขนาดธุรกรรม (Transaction) ซึ่งถ้าพิจารณาแบบเงินฝากธนาคารเงินเหล่านี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ลูกค้า แต่นี่จะกลายเป็นเงินปันผลให้สมาชิกก่อตั้งกองทุน ยิ่งมีสมาชิกก่อตั้งมากเพียงใดกองทุนก็จะมีจำนวนมากเพียงนั้น และสามารถทำการเคลื่อนย้ายเพื่อการเก็งกำไรได้อีกด้วย จึงน่าจะเป็นแรงดึงดูดให้มีผู้เข้าร่วมก่อตั้งเป็นจำนวนมาก ยิ่งเงิน Libra ได้รับความนิยมมากขึ้น จนกลายเป็นเงินของโลก ด้วยจุดแข็งต่างๆที่กล่าวมาแล้ว กองทุนนี้ก็จะมีเงินไหลเข้า-ออกเป็นจำนวนมากมหาศาล อันจะทำให้เกิดดอกออกผลมหาศาลเช่นกัน ด้วยความยิ่งใหญ่ของกองทุนที่มีแต่ขยายตัวขึ้นในอนาคต การปล่อยให้เกิดเงินตราโดยภาคเอกชนและสามารถขยายตัวข้ามขอบเขตและอำนาจรัฐในประเทศต่างๆ จึงทำใหผู้มีหน้าที่ในการกำกับดูแลทางการเงินในหลายประเทศ รวมทั้งผู้มีหน้าที่ออกกฎหมาย คือ ผู้แทนในสภาเกิดความกังวลในหลายประการกล่าวคือ เงินกองทุนนี้จะมีผลทำให้นโยบายการเงินของแต่ละประเทศไม่อาจใช้ได้เพราะควบคุมปริมาณเงินไม่ได้ ธนาคารชาติแต่ละแห่งจะหมดอำนาจลงเกือบสิ้นเชิง ประเทศที่กำลังมีปัญหาทางเศรษฐกิจอาจถูกกองทุนนี้ดูดเงินออกไปอีกมาก โดยควบคุมไม่ได้ เพราะการโอนเงินเกิดได้โดยเสรีผ่านโทรศัพท์มือถือของแต่ละปัจเจกชน ตั้งแต่ไม่กี่สตางค์ไปถึงเป็นพันเป็นหมื่นล้าน รมต.คลังของฝรั่งเศส นาย Bauno Lemaire กล่าวว่า Libra จะต้องไม่เป็นระบบการเงินที่มีอธิปไตยของตนเอง ส่วนในวอชิงตัน ประธานกรรมาธิการการบริการทางการเงินของคองเกรสนาย Maxine Waters เรียกร้องให้ FB ระงับการพัฒนาเงิน Libra เอาไว้ก่อน จนกว่าสภาและผู้กำกับดูแลทางการเงินจะได้ศึกษาอย่างละเอียดและมั่นใจว่าจะจัดการกับระบบนี้ได้ วุฒิสมาชิกจากเดโมแครต นายชารอด บราวน์ ได้ทวีทโจมตีว่า FB ใหญ่เกินกำลังที่จะกำกับ จนสามารถที่จะใช้ข้อมูลจากผู้ใช้บริการในการหาประโยชน์โดยละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เราจึงไม่อาจจะปล่อยให้ FB ดำเนินการสร้างระบบการเงินดิจิตอลขึ้นมาอีก ซึ่งจะเป็นการเสี่ยงทั้งการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้า ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และยังสามารถโอนเงินจากธนาคารสวิสโดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย นอกจากนี้ Libra ก็ยังอาจใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินทั้งจากนักการเมืองทุจริต หรือการค้าที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ค้ามนุษย์เป็นต้น เท่านั้นยังไม่พอ ยังเป็นโอกาสให้นักธุรกิจข้ามชาติหลบเลี่ยงภาษีด้วยการโอนเงินโดยมิได้รับการตรวจสอบได้ ในเรื่องความลับของข้อมูลลูกค้า FB อาจนำไปใช้ประโยชน์นั้นทางหน่วยงานที่รับผิดชอบของ FB ได้ แต่ FB อ้างว่าได้มีการแยกการดำเนินการออกต่างหากจาก FB เพราะได้มีการจัดตั้งศูนย์ดำเนินการที่สวิสเซอร์แลนด์ เรียกว่า Calibra โดยจะจัดแยกข้อมูลออกต่างหากจาก FB แต่ก็ยังทำให้เราไม่อาจมั่นใจได้ เหมือนข้อมูลของ FB ที่ได้ถูกเปิดเผยว่านำไปใช้ประโยชน์ในทางการเมืองมาแล้ว และการทำธุรกรรมก็ต้องใช้ App ของ FB อยู่ดี นอกจากปัญหาทางเศรษบกิจการเงินดังกล่าวมาแล้ว ยังอาจเกิดปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศอีกด้วย เช่น สงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน การแซงชั่น ของสหรัฐฯต่ออิหร่าน หรือ สหรัฐฯต่อเวเนซูเอลล่า เพราะกองทุนนี้อาจเข้ามามีบทบาทส่งเสริมหรือทำให้มาตรการเหล่านั้นอ่อนลงก็ได้ อนึ่งธุรกรรมในแนวเดียวกับที่ FB หันเหมาสู่ระบบการเงินนี้ ก็ยังมีธุรกิจในประเภทเดียวกันให้ความสนใจ และเริ่มเข้ามาดำเนินการบ้างแล้ว เช่น Google, Amazon หรือ Apple แม้ยังมีรูปแบบที่หลากหลายตั้งแต่เป็นกระเป๋าเงินดิจิตอล การเบิกจ่ายเงินแบบธนาคาร การจัดทำบัตรเดบิท ซึ่งวิวัฒนาการเหล่านี้ขับเคลื่อนไปพร้อมๆกับวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี ซึ่งไร้พรมแดน ที่สำคัญธุรกรรมเครือข่ายแบบนี้เป็นการสร้างอำนาจผูกขาดในแต่ละภาคส่วนของธุรกิจ โดยที่รัฐไม่อาจมาควบคุมได้เลย ด้วยประการฉะนี้จึงได้สร้างความกังวลให้แก่ผู้มีหน้าที่กำกับดูแลด้านการเงินและการค้าในแต่ละประเทศเป็นอย่างยิ่ง ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยได้เตรียมตัว เตรียมมาตรการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ไว้พร้อมหรือไม่ เพราะถ้ายักษ์ใหญ่มันกำเนิดแล้วเราก็ยากจะป้องกันตัวได้ สุดท้ายนี้อยากฝากไปถึงประธานอาเซียนคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ว่า จะดีกว่าไหมถ้าเราจะนำเสนอวิสัยทัศน์ให้สมาชิกอาเซียนร่วมมือกันสร้างเงินดิจิตอลของอาเซียน อันจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือร่วมกันน่าจะดีกว่าการเสนอคำขวัญลอยๆที่ไม่มีผลในทางปฏิบัติอะไรมันวังเวงครับ