วันที่ 7 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพร พร้อมมูล รอง ผวจ.นราธิวาส นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส และนายเพียร มโณภักดิ์ นายก อบต.สุไหงปาดี ได้ร่วมนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร อส.ประจำที่ว่าการ อ.สุไหงปาดีและชาวบ้าน จำนวน 50 นาย เดินทางไปยังบ้านของนางเจ๊ะมะ แยนา อายุ 58 ปี ไม่มีเลขที่ ซึ่งตั้งอยู่บ้านปิเหล็ง ม.7 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง สร้างอยู่ด้านหลังของคลองปิเหล็ง ซึ่งได้รับความเสียหายโดยเฉพาะพื้นบ้านและฝาผนัง ที่ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชียวกรากพัดจมหายไปกับกระแสน้ำ แถมน้ำยังท่วมขังนานกว่า 2 เดือน จึงทำให้ฝาผนังและพื้นบ้านซึ่งเป็นไม้แช่น้ำจนมีสภาพผุพัง จนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ซึ่งนางเจ๊ะมะ เป็นคนมีฐานะยากจน อาศัยอยู่กับบุตรชายและลูกสะใภ้ ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเมื่อสภาวะน้ำท่วมได้คลี่คลายลง จึงไม่มีเงินที่จะซ่อมแซมบ้านให้สามารถอาศัยอยู่ได้ตามปกติ โดยการซ่อมแซมบ้านในครั้งนี้ ใช้เงินงบประมาณ จำนวน 33,000 บาท ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามโครงการช่วยเหลือซ่อมแซมที่พักอาศัยของชาวบ้านหลังน้ำลด โดยใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ในการซ่อมแซม ส่วนเงินจะใช้ในการซื้ออุปกรณ์ในการก่อสร้าง โดยคาดว่าใช้เวลาในการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ จนสร้างความตื้นตันใจให้กับนางเจ๊ะมะและครอบครัว ที่ทางการไม่ทอดทิ้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในระยะยาวนั้น โดยเฉพาะหมู่บ้านปิเหล็ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในระดับต่ำที่สุด ของ จ.นราธิวาส และมีระดับเดียวกับตลิ่งของแม่น้ำบางนรา ที่จะระบายน้ำลงสู่ทะเลไปได้อย่างยากลำบากนั้น โดยทางจังหวัดนราธิวาส โดยนายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส ได้ตั้งเงินงบประมาณในการขุดลอกคลองปิเหล็งที่ตื้นเขินพร้อมขยายความกว้างของคลองให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ซึ่งคาดว่าจะสมารถช่วยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวกว่า 20 ครัวเรือน ไม่ให้มีน้ำท่วมขังในปีต่อไปที่อย่างน้อยก็คงมีระดับน้ำท่วมขังที่ไม่สูงกว่าปีนี้ คือ 2 เมตร