เสือตัวที่ 6
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 1 บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ นอกจากนั้น ในหมวด 5 ซึ่งระบุหน้าที่ของรัฐ ในมาตรา 52 บัญญัติไว้ว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน และในมาตรา 53 ระบุว่า รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น ในมาตรา 3 ยังบัญญัติว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไป ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุขของประชาชนโดยรวม รวมทั้งในมาตรา 50 ได้ระบุหน้าที่ของปวงชนชาวไทยไว้ว่า ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน นับเป็นข้อกำหนดที่ชัดเจนยิ่งในหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของรัฐและปวงชนชาวไทยทุกชีวิตที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญที่ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจน เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นอกจากนั้น พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ระบุอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมว่า พิทักษ์รักษาเอกราชและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร จากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในราชอาณาจักร นอกจากนั้นยังกำหนดอำนาจหน้าที่ของทุกเหล่าทัพให้มีหน้าที่ป้องกันราชอาณาจักร นับเป็นหน้าที่โดยตรงของกองทัพและประชาชนจะนิ่งเฉยหรือให้ความสำคัญต่อกรณีการละเมิดอธิปไตยเหนือดินแดนของรัฐไม่ได้โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นการคุกคาม รุกล้ำ ละเมิด หรือเข้ายึดครองดินแดนของรัฐไทยในพื้นที่ใดของประเทศ ปรากฏการณ์การคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐด้วยการกระทำใดๆ ที่มีเจตจำนงในการยึดครองดินแดนอันเป็นอธิปไตยของประเทศย่อเป็นการกระทำความผิดในระดับรุนแรงเป็นอันตรายสูงสุดของชาติ กรณีการคุกคามความมั่นคงของรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวานที่ยืดเยื้อมา 21 ปี ที่มีการประกาศชัดเจนจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนมาตลอดว่าเป็นการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดน นับเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นการท้าทายอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนที่รัฐจะเพิงเฉย หรือให้ความสำคัญต่อภัยคุกคามดังกล่าวนี้อยู่ในลำดับท้ายๆ ของการแก้ปัญหาไม่ได้
ในขณะที่รัฐกลับมองประเด็นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปลายด้ามขวานเป็นการต่อสู้ในระดับทั่วไปที่ต้องใช้การประนีประนอมจนส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถต่อสู้กับขบวนการแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการกระทำของบรรดากลุ่มคนในขบวนการร้ายแห่งนี้เป็นการกระทำที่มีฐานบัญชาการและสั่งการมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ท้าทายและละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเฉพาะที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ซึ่งรัฐจะต้องตระหนักและทุ่มเททุกองคาพยพของชาติเข้าขจัดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ทั้งยังเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญเพื่อการขจัดภัยคุกคามจากขบวนการร้ายปลายด้ามขวานด้วยความเด็ดขาดตามที่ระบุหน้าที่ของรัฐ หมวด 5 มาตรา 52 บัญญัติไว้ว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เพราะรัฐธรรมนูญเล็งเห็นว่าการยึดแย่งดินแดนของรัฐไปนับเป็นภัยร้ายแรงที่ต้องกำจัดให้สิ้นลงโดยเร็ว
การแย่งยึด รุกล้ำ เข้ายึดครองอธิปไตยเหนือดินแดนของรัฐ นับเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐไม่ว่าจะเกิดในพื้นที่ใด รัฐต้องตระหนักและให้ความสำคัญสูงสุดในการใช้ทุกองคาพยพของชาติเข้าขจัดภัยเหล่านั้นให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว เพราะนอกจากเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยตามมาตรา 52 แห่งรัฐธรรมนูญแล้ว ยัง ระบุในมาตรา 53 ว่า รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ซึ่งหากละเลย เพิกเฉย ไม่เข้าขจัดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติเหล่านั้นอย่างจริงจังให้หมดสิ้นลงโดยพลันแล้ว ผู้บริหารของรัฐก็จะมีความผิดอาญาร้ายแรง ตามที่ระบุไว้ในหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 119 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
และปรากฏการณ์การรุกล้ำข้ามเขตเข้ายึดครองดินแดนไทยบริเวณช่องบกของประเทศกัมพูชากว่า 200 เมตร ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ เฉกเช่นเดียวกับภัยคุกคามในพื้นที่ปลายด้ามขวานที่กำลังคุกคามต่ออธิปไตยเหนือดินแดนไทย เป็นการกระทำที่ละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ระบุในมาตรา 1 อย่างชัดว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บริหารของรัฐจะต้องตระหนักและทุ่มเททุกองคาพยพของชาติเข้าขจัดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติเหล่านี้ที่กำลังคุกคามต่ออธิปไตยเหนือดินแดนให้หมดสิ้นไปอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว