หลังห่างหายไปหลายสัปดาห์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร หวนคืนพื้นที่การเมืองอย่างเต็มตัว ประเมินสถานการณ์รัฐบาลชุดปัจจุบันว่า “ประเทศไทยยังไม่ถึงทางตัน”

แม้จะเผชิญกับนิติสงคราม  และ คณิตศาสตร์ทางการเมือง ที่ซับซ้อนที่สุดในรอบหลายสิบปีคำกล่าวว่า“ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีให้แบก”

โดยยังวิเคราะห์ 3 ทางออกของนายทักษิณ

หนึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รอดคดี  และกลับมาเป็นนายกฯ ต่อ

สอง หากน.ส.แพทองธารไม่รอด จะเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรีแทน

สาม คือยุบสภา  หากคุมเกมเสียงในสภาไม่ได้

แม้ทั้งสามทางเลือกจะเป็นไปตามกรอบกฎหมายและยุทธศาสตร์พรรค แต่ใน “สมการอำนาจจริง” ในการเมือง 3 ก๊กนั้น ยังมีทางที่เป็นไปได้  หาก นายชัยเกษม ไม่ผ่านด่านฝ่ายอนุรักษ์นิยม เนื่องจากเคยมีประเด็นเรื่องมาตรา 112

อีกทั้ง ยังมีความพยายามที่จะ “ขัดขวาง” การยุบสภา  จากความเห็นด้านกฎหมายจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตามแผนเปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรี ที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมือง ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค  และนายอนุทิน ชาญวีรกูล

ในขณะที่มีการพูดถึง  ทางออกในการเดินยุทธศาสตร์ในการดีลการเมืองไทย ที่หากจะเสนอชื่อนายชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องมั่นใจในเสียงสนับสนุน จากพันธมิตรต่างขั้วอย่างพรรคประชาชนหรือไม่ 

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โค้งหักศอกทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ที่จะต้องดูจังหวะการเมืองกันใหม่ ที่ต้องติดตามจุดพลิกผันในเดือนสิงหาคม