ตลาดอีโคคาร์ในเมืองไทย ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เป็นการตอบโจทย์สำหรับรถยนต์ใช้งานที่มีราคาไม่แพง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ให้กับเจ้าของได้เป็นอย่างดีสำหรับค่ายซูซูกิ จะเน้นในกลุ่มตลาดรถเล็ก โดยเฉพาะในตลาดอีโคคาร์ จะมีรถในกลุ่มนี้ด้วยกันถึง 3 รุ่น ประกอบไปด้วย สวิฟท์ เซียส และเซเลริโอ ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้มียอดขายสูง ถึง 19,685 คัน ปีที่แล้ว ในขณะที่สวิฟท์เอง ก็จะเป็นรถยนต์ที่เจาะกลุ่มตลาดอีโคคาร์ 5 ประตู ได้เปรียบกว่าคู่แข่งเมื่อนำตัวถังของรถยนต์ระดับซับคอมแพ็คมาใช้ ที่ทั้งยังมีเครื่องยนต์ ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มด้วย ในแต่ละปีทาง ค่ายซูซูกิ จะจับสวิฟท์ มาใส่ชุดอุปกรณ์ ที่เพิ่มขึ้นไปจากรุ่นปกติเพื่อทำเป็นรุ่นพิเศษขายอย่างปีที่แล้วก็จะมีรุ่นไซ ส่วนปีนี้จะเป็นรุ่นอาร์เอ็กซ์ 2 ถึงจะใส่อุปกรณ์เพิ่มเข้าไปแต่ราคาไม่ได้สูงเกินเอื้อม โดยจะตั้งราคารุ่นนี้ไว้ที่ 599,900 บาท อาจจะต้องเพิ่มเงินอีก 5,000 บาทสำหรับสีขาว ซึ่งเป็นสีพิเศษของรุ่นนี้ด้วยถ้าต้องการ สวิฟท์ อาร์เอ็กซ์ทู จะเป็นรถยนต์รุ่นพิเศษล่าสุดในตระกูล สวิฟท์ ซึ่งเป็นรถยนต์อีโคคาร์ ที่เปิดตัวในตลาดเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2555 ถัดมาอีกปี ก็มีการแนะนำรุ่นพิเศษ เอ็นเนอจี กรีน ลิมิเต็ด สีเขียวสดใส เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใส่ไฟหน้าปรับได้มาให้ ปี 2558 ซูซูกิ ได้เสริมความแกร่งให้กับสวิฟท์ ด้วยรุ่นพิเศษ อาร์เอ็กซ์ เพื่อความเป็นสปอร์ตสุดเท่ห์ ซึ่งการเสริมตลาดด้วยรุ่นพิเศษ ก็ทำให้ยอดขายของสวิฟท์ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอีโคคาร์ 5 ประตูด้วย ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทางซูซูกิก็ได้จัดเต็มสำหรับออฟชั่นที่ใส่ไว้ในสวิฟท์ อาร์เอ็กซ์ ทู จึงเป็นความคุ้มค่าสุดๆ ที่ได้จากรถยนต์รุ่นนี้ เมื่อเทียบกับราคาความแตกต่างที่มีให้สำหรับสวิฟท์ อาร์เอ็กซ์ทู เริ่มจากกระจังหน้าดีไซน์แบบสปอร์ต พร้อมกันชนหน้าใหม่ ขณะที่ไฟหน้าจะเปลี่ยนจากฮาโลเจนท์ มาเป็น โปรเจคเตอร์ เอชไอดี ซึ่งเป็นไฟหน้าที่สวามารถปรับระดับสูงต่ำได้ มีสปอยเลอร์กดท้าย ทางซูซูกิ ได้นำเซ็นเซอร์ไปติดไว้ที่ด้านล่างของตัวรถ พอเจอน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น หน้ารถก็จะยกสูง ระบบจึงสั่งการให้ไฟหน้าลดระดับลำแสงลงจะได้ไม่สร้างความรำคาญให้กับรถยนต์คันหน้า ตรงด้านล่างของกันชนก็จะมีไฟตัดหมอกพร้อมไฟส่องสว่าง ในเวลากลางวันซึ่งเป็นหลอด แอลอีดีติดตั้งมาให้ ขณะที่ ไฟท้ายจะเป็นแบบสปอร์ต อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนเสาอากาศติดหลังคามาเป็นครีบปลาฉลามด้วย สิ่งที่เสริมความโดดเด่นให้กับรถยนต์รุ่นนี้ ก็จะมีล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ สีกัน เมทาทัลลิก ขนาด 16 นิ้ว 10 ก้าน และมีสปอยเลอร์หลังติดหลังคาเพื่อเพิ่มความเป็นสปอร์ต ให้กับรถยนต์รุ่นพิเศษคันนี้ มีสปอยเลอร์กดท้าย ในตอนแรกที่ทางซูซูกิเลือกรถนำมาเป็นอีโคคาร์ ในเมืองไทยนั้น จะเลือกรถที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว อย่างสวิฟท์ ที่วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มาแล้วก่อนหน้านี้ ตามกฎของอีโคคาร์ เครื่องยนต์ต้องไม่เกิน 1,300 ซีซี และต้องกินน้ำมันไม่น้อยกว่า 20 กม./ลิตร ค่ายซูซูกิจึงต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็น 1,250 ซีซี แทน เพื่อให้เข้ากับกรอบที่กำหนดไว้ จึงไม่ยากในการทำตลาดเมื่อมีการปรับลดระดับเครื่องยนต์ลงมา ให้อยู่ในข้อกำหนดของอีโคคาร์ แต่จะวางตำแหน่งเอาไว้อยู่เหนือสุด ด้วยเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มีวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย เครื่องยนต์รุ่นนี้จะให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ ซีวีที ซึ่งเป็นเกียร์ที่ตอบสนองต่อคันเร่งได้ดี จึงมีอัตราเร่งที่สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ เสริมโครเมี่ยมตรงแผงคอนโซล เวลาขับสวิฟท์ จึงมีความสนุกสนานเมื่อกดคันเร่งลงไป อัตราเร่งก็จะพุ่งขึ้น หากใช้ความเร็วคงที่รอบเครื่องยนต์จะต่ำ ที่ 100 กม./ชม. จะใช้เกือบๆ 2,000 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ออโต จะสามารถเรียกความเร็วออกมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยความเร็วสูงสุดจะไปตันแถวๆ 160 กม./ชม. ซึงเป็นความเร็วสูงพอสมควร สำหรับเครื่องยนต์ระดับนี้ แต่ความรู้สึกที่ต่างไปจากสวิฟท์ รุ่นแรกๆ ก็คือช่วงล่างที่ถูกปรับให้แข็งขึ้น เป็นการเปลี่ยนโจทย์จากรถยนต์อีโคคาร์ ไม่ใช่รถซิตี้คาร์ ซึ่งต้องใช้งานสำหรับการเดินทางไกล รองรับการใช้ความเร็วสูงด้วย การทำให้ช่วงล่างแข็งขึ้น ก็ทำให้การทรงตัวทำได้นิ่ง ไม่มีอาการโยนเมื่อเจอโค้ง เบาะจะแข็งสักหน่อย การเดินทางไกลสามารถทำได้ด้วยช่วงล่างที่ปรับเช็ตให้แข็งขึ้นแต่ไม่ถึงกับแข็งมาก จึงเหมาะกับการใช้งานในเมืองและเดินทางไกล ด้วยการซับแรงกระแทกทำได้ดีมากสำหรับระบบกันสะเทือนอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทด้านหน้าและทอร์ชั่นบีมด้านหลัง เบาะหลังพับได้ เหลือพื้นที่ไว้วางของ ในรถรุ่นนี้จะติดตั้งครูส คอนโทรล มาให้ เป็นการยกระดับให้กับรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งจะทำงานที่ความเร็ว 45 กม./ชม. ขึ้นไป หรือติดตั้งเกียร์ 3 ซึ่งรถรุ่นนี้ จะถูกตั้งไว้เป็นแบบ 7 สปีด ผลิตจากโรงงานเดียวกับที่ทำให้นิสสันมาร์ช อัลมิรา มิตซูบิชิ มิราจ เครื่องยนต์1.25ลิตร เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์เอง ก็จะมีก้านเปลี่ยนเกียร์ตรงหลังพวงมาลัย ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกกับการเปลี่ยนเกียร์เอง แต่จะมีระบบป้องกันไม่ให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำเกินไป เพื่อเป็นการถนอมเกียร์ด้วย คอลัมน์ ยุทธจักรยานยนต์