เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ครั้งที่ 1/2560 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุม ว่า การประชุมวาระแรกนี้เกิดขึ้นหลังจากผ่านพ้นหลังปีใหม่ไทยไม่กี่วันที่ผ่านมา ในนามของนายกรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอกราบอาราธาคุณพระศรีรัตนตรัย และพระบารมีแผ่ไพศาลขอบูรพมหากษัตริย์ไทย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปกป้องรักษาพิทักษ์ทุกคน ให้มีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรงตลอดไป ช่วยกันทำงานเพื่อประเทศอันเป็นที่รักยิ่งตลอดไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งสำคัญ ถือเป็นการประชุมขนาดใหญ่ เพราะประเทศชาติจะเดินหน้าได้ก็เพราะคณะทำงานที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้ ทั้งในการแก้ไขปัญหาและเดินหน้าประเทศ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เมื่อวานเราได้เสนอกฎหมายไปแล้ว ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.)และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ( สปท.) ต้องขอขอบคุณ ณ ที่นี้ ตนเห็นหลายข้อเสนอแนะหลายประการที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเราจะต้องศึกษาและหารือในชั้นคณะกรรมาธิการ( กมธ.)อีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะแก้ไขปรับปรุงให้สามารถปฏิบัติงานได้ “ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปปิดกั้นใครใดๆทั้งสิ้น แต่เราต้องวางกรอบการทำงานและพื้นฐานประเทศ ซึ่งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ดูเหมือนจะยาวนาน แต่คงไม่ยาวนานมากนัก เพราะเป็น 20 ปีที่เราต้องเดินหน้าประเทศต่อไป ซึ่งผมคิดว่าเป็นเพียงระยะแรกเหมือนกับจีนที่เขาทำมาหลาย 10 ปี มาแล้ว ในการยกระดับรายได้ประเทศขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจระดับ 2 ในปัจจุบัน และใน 5 ปีแรกของเราจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาประเทศและการวางพื้นฐานต้องอาศัยความร่วมมือของนักการเมือง ข้าราชการและประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่เรากำหนดไว้ ที่ผมบอกไว้กับทุกคน จึงถือว่าวันนี้ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง” นายกฯ กล่าว ขณะที่พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวก่อนการประชุมว่า ในการประชุม ป.ย.ป.วันนี้มี 2 ประเด็นหลักคือ เรื่องภาพรวมการทำงานของ ป.ย.ป.และการเตรียมการหลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะที่คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง จะมีการรายงานความคืบหน้าสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นจากพรรคการเมืองและภาคประชาสังคม