เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับประเทศไทย ส่งผลให้ถนนมีความเฉอะแฉะ และลื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาทำให้พื้นถนนเปียกอันเป็นเหตุให้ระยะในการหยุดรถยาวกว่าปกติอีก ทั้งยังลดทัศนวิสัยการมองเห็นของผู้ขับขี่ ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกที่เราในฐานะผู้ขับขี่ควบคุมไม่ได้ หากแต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษและที่สำคัญที่สุดคือต้องปรับวิธีการ ขับขี่ให้สอดคล้องกับสภาวะ วันนี้เราจึงขอแนะนำ 11 วิธีปฏิบัติ และเทคนิคการขับขี่ในหน้าฝนอย่างปลอดภัยดังนี้ 1.ตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์ เช่น สภาพยางใบปัดน้ำฝน ระดับน้ำฉีดกระจก ระบบเบรค สภาพยาง ดอกยาง แรงดันลมยาง (ลมยางที่อ่อนเกินไปและดอกยางที่มีน้อยเกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำ ลดลงจะทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย) ระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์  class= 2.เมื่อฝนตกหนัก ให้เปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอก (ถ้ามี) ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอก 3.ช่วง 5 นาทีแรกที่ฝนตกใหม่ๆ ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะถนนจะลื่นมากกว่าปกติ 4.ใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการมองเห็น ทิ้งระยะห่างขณะขับตามรถคันหน้าให้มากกว่าปกติเป็น 2เท่า 5.หลีกเลี่ยงการเบรคอย่างกระทันหันและการใช้เบรคโดยไม่จำเป็น ในกรณีที่รถไม่มีระบบเบรก เอบีเอส การเบรกแรงๆ บนถนนลื่น ล้อมีโอกาสล็อกได้ง่าย ล้อที่ล็อกจะขาดการบังคับควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยหรือทำให้รถปัดเป๋จนถึง ขั้นหมุนคว้างได้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากระแทกแป้นเบรกแรงๆ หากจำเป็นและรู้สึกว่าล้อล็อกแล้ว ควรละเบรกเล็กน้อยเพื่อให้ล้อคลายการล็อก ส่วนการขับรถที่มีเอบีเอสก็อย่าชะล่าใจ เพราะถึงเอบีเอสจะป้องกันล้อล็อก แต่นั่นก็แสดงว่าเป็นการเบรกที่รุนแรงเกินไปนั่นเอง 6.เพิ่มการสังเกตุการณ์ จุดที่มีน้ำขังบนถนน ลดความเร็ว เมื่อขับผ่านแอ่งน้ำเพราะอาจจะเกิดอาการเหิรน้ำทำให้รถลื่นไถลได้ถ้าขับมาด้วยความเร็งสูง 7.ในกรณีขับไปในถนนที่มีน้ำท่วมขัง ให้ ให้สังเกตุระดับความลึกของน้ำจากรถคันหน้าหรือขอบฟุตบาทข้างทางเพื่อประเมินสถานการณ์ สังเกตุระดับความลึกของน้ำจากรถคันหน้าหรือขอบฟุตบาท 8.ขณะที่ขับลุยน้ำท่วมขังควรปิดระบบแอร์ และใช้เกียร์ต่ำ(เกียร์ L หรือ เกียร์ 1) เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไปน้ำอาจจะย้อนเข้าท่อไอเสียได้ 9.หลังจากที่ผ่านจุดที่น้ำท่วมขังมาแล้ว ให้ย้ำเบรคบ่อยๆ เพื่อรีดน้ำให้ผ้าเบรคแห้ง ป้องกันอาการเบรคลื่นแต่ถ้าต้องจอดรถเป็นเวลานานๆ หลีกเลี่ยงการใช้เบรคมือ จอดรถเพื่อป้องกันอาการเบรคติด 10.ถ้าฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนในระยะ 10 เมตรควรหาที่จอดที่ปลอยภัยรอจนฝนเบาลงแล้วค่อยเดินทางต่อ ควรเปิดไฟต่ำ 11.ใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก ถ้า ฝนตกหนักควรเปิดไฟหน้าแบบต่ำ เพราะถ้าเปิดไฟสูง สายฝนจะสะท้อนกลับมายังผู้ขับมากจนมองเส้นทางข้างหน้ายาก ไม่ควรเปิดไฟหรี่ เพราะการเปิดไฟหน้าแบบต่ำ แทบไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรเลย ไดชาร์จ(อัลเตอร์เนเตอร์) แทบไม่ได้ทำงานหนักขึ้นหลอดไฟหน้าจะอายุสั้นลงก็ไม่ใช่ปัญหา หลอดละร้อยสองร้อยบาทเท่านั้น เมื่อจะเปลี่ยนเลน ให้เปิดไฟเลี้ยวเตือนผู้อื่นล่วงหน้าตาม ขับรถลุยฝนใช้ความเร็วต่ำกว่า อย่าชะล่าใจควรจับพวงมาลัย 2 มือในตำแหน่งที่แนะนำไว้ข้างต้น พร้อมจะลดความร็วลงได้อย่างรวดเร็ว ระวังอาการเหินน้ำของยางไว้ทุกวินาที